“โซลโมเดล” ถอนพิษโควิด-19 แบบเกาหลีใต้ รอดอย่างไร ไม่ต้องล็อกดาวน์

24 เม.ย. 2563 | 23:00 น.
อัปเดตล่าสุด :25 เม.ย. 2563 | 07:09 น.

นักเศรษฐศาสตร์มองว่า เกาหลีใต้อาจจะเป็นต้นแบบที่ดีสำหรับรัฐบาลประเทศต่างๆ ในการวางแผนเตรียมการสำหรับการผ่อนคลายและปลดล็อกมาตรการต่างๆ ที่ใช้ควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา “โควิด-19” รวมไปจนถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังวิกฤติการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของโรคผ่านพ้นไป

 

“กลยุทธ์ทางออกจากวิกฤติ” หรือ exit strategy เป็นสิ่งจำเป็น และเกาหลีใต้ก็ทำได้ดี ปลายเดือนกุมภาพันธ์เป็นช่วงที่ย่ำแย่ที่สุดของเกาหลีใต้ที่จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นมากและรวดเร็ว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดในกลุ่มผู้ที่มีกิจกรรมในโบสถ์แห่งหนึ่งร่วมกัน แต่กลางเดือนเมษายนสถานการณ์เริ่มคลี่คลายและยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันก็ลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 100 ราย โดยที่เกาหลีใต้ไม่ได้มีมาตรการล็อกดาวน์ หรือปิดสถานประกอบการธุรกิจ ทั้งนี้ ร้านค้าต่างๆ รวมถึงร้านอาหาร ยังคงเปิดบริการตามปกติ จึงไม่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงมากนัก แต่มาตรการที่รัฐบาลเกาหลีใต้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือการให้บริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แก่ประชาชนให้ครอบคลุมมากที่สุดและเข้มงวดกับมาตรการกักตัว ไม่จับกลุ่ม ไม่ออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น

 

“โซลโมเดล” ถอนพิษโควิด-19 แบบเกาหลีใต้ รอดอย่างไร ไม่ต้องล็อกดาวน์

ประธานาธิบดี มุน แจ-อิน

ล็อกดาวน์ไม่ใช่ทางเลือกเดียว

ผลลัพธ์จากการดำเนินการในลักษณะนี้ ทำให้เกาหลีใต้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดโดยไม่ส่งผลกดดันทางเศรษฐกิจมากนัก ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา ธนาคารกลางแห่งประเทศเกาหลีใต้ได้ประกาศตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ (จีดีพี) ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ (2563) ซึ่งปรากฏว่า ยังคงมีการขยายตัวที่อัตรา 1.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 และหากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (ไตรมาสสุดท้ายของปี 2562) แม้ว่าจีดีพีของเกาหลีใต้ในไตรมาสแรกปีนี้จะหดตัวลง 1.4% แต่ก็ยังถือว่าหดตัวน้อยหากเทียบกับการหดตัวของเศรษฐกิจจีน ทั้งนี้ รายงานของธนาคารกลางเกาหลีใต้ระบุว่า การที่ประชาชนให้ความร่วมมือในการอยู่กับบ้าน ทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลงถึง 6.4%

ตรินห์ เหงียน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารเพื่อการลงทุน Natixis ให้ความเห็นเกี่ยวกับมาตรการของเกาหลีใต้ ได้ผลในแง่การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโดยที่ไม่สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจมากนัก ขณะที่หลายประเทศในเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินเดีย สิงคโปร์ รวมทั้งไทย ยังคงอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งส่งผลให้มีการปิดดำเนินการธุรกิจบางอย่างเป็นการชั่วคราว เช่นห้างสรรพสินค้า สถานบันเทิง ร้านอาหาร (แบบนั่งรับประทานในร้าน) โรงภาพยนตร์ สถานออกกำลังกาย ฯลฯ เพื่อลดโอกาสในการออกไปชุมนุมรวมตัวกันของผู้คน มาตรการเหล่านี้มุ่งหวังควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีผลฉุดรั้งเศรษฐกิจให้วูบลงเป็นอย่างมาก

 

ดังนั้น ขณะนี้เมื่อมีการถกกันอย่างแพร่หลายว่า ถึงเวลาที่บางประเทศจะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ได้หรือยัง ซึ่งอาจจะทำแบบค่อยๆ ถอน ค่อยๆ ผ่อนคลายเป็นระยะหรือเป็นขั้นตอน ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสาธารณสุขซึ่งรวมทั้งองค์การอนามัยโลก (WHO) จึงได้ออกมาติงเตือนว่า การยกเลิกหรือผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เร็วเกินไป อาจจะทำให้โควิด-19 กลับมาระบาดมากขึ้นได้อีก

 

“โซลโมเดล” ถอนพิษโควิด-19 แบบเกาหลีใต้ รอดอย่างไร ไม่ต้องล็อกดาวน์

ตั้งจุดตรวจเชื้อให้เข้าถึงง่าย และประหยัด

เกาหลีใต้เป็นต้นแบบที่ดีในแง่การมีหน่วยงานที่ทำงานรวดเร็ว และมีความพร้อมจะออกไปให้บริการตรวจเชื้อ ติดตามเส้นทางการติดเชื้อของผู้ป่วย และกักกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี ภายในเวลา 6 สัปดาห์ เกาหลีใต้สามารถบริการตรวจเชื้อโควิด-19 แก่ประชาชนได้มากกว่า 300,000 คน ไม่เพียงเท่านั้น เกาหลีใต้ยังทำให้การตรวจเชื้อเป็นเรื่องง่ายและราคาประหยัด มีการติดตั้งจุดตรวจเชื้อโควิด-19 ให้บริการประชาชน 600 แห่ง รวมถึงบริการตรวจเชื้อโควิด-19 แบบไดรฟ์ธรู (ผู้มาตรวจเชื้อไม่ต้องลงจากรถ) ทั่วประเทศ ตามสถานที่ต่างๆ รวมถึงสนามบินอินชอน ระบบประกันสุขภาพของเกาหลีใต้ยังครอบคลุมถึงการตรวจรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ด้วย และการตรวจหาเชื้อก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับประชาชนส่วนใหญ่ เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงจุดแข็งหรือประโยชน์ของระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ Universal Health Coverage (UHC) ของเกาหลีใต้

 

นอกจากนี้ ทุกๆ วันจะมีการสรุปข้อมูลเผยแพร่แก่ประชาชน โดยกระทรวงสาธารณสุขและศูนย์ควบคุมโรค และสร้างความเชื่อมั่น ทำให้ประชาชนไว้วางใจการทำงานของรัฐบาล และให้ความร่วมมือในการกักตัวอยู่กับบ้าน ไม่ออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น ใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ และล้างมือ ทำให้ไม่เกิดความตื่นตระหนกและไม่มีการกักตุนสินค้าจำเป็น เช่น หน้ากากอนามัย

 

“โซลโมเดล” ถอนพิษโควิด-19 แบบเกาหลีใต้ รอดอย่างไร ไม่ต้องล็อกดาวน์

อัดฉีดงบช่วยอุตสาหกรรมที่สะดุด

อย่างไรก็ตาม การจะฟื้นตัวกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้กลับคืนสู่ภาวะปกติก็เป็นความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากภาคการส่งออกซึ่งเป็นหัวจักรสำคัญยังอ่อนแรง ช่วง 3 เดือนแรกของปี 2563 การส่งออกของเกาหลีใต้ลดลง 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ 20 วันแรกของเดือนเมษายน ยอดการส่งออกของเกาหลีใต้ก็ยังคงลดลงเกือบ 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคลดลงอย่างมาก ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของเกาหลีใต้นั่นเอง

 

ความต้องการที่แผ่วลงของประเทศคู่ค้าที่สำคัญจะสะท้อนให้เห็นในตัวเลขการส่งออกของเกาหลีใต้ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเกาหลีใต้ได้เตรียมตัวพร้อมรับสถานการณ์ไว้แล้ว โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดี มูน แจ-อิน ได้ประกาศชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเกาหลีใต้มูลค่าสูงถึง 40 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (กว่า 1.04 ล้านล้านบาท) ซึ่งเป้าหมายหลักมุ่งช่วยอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อาทิ อุตสาหกรรมการบินและการเดินเรือ นอกจากนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้ยังมีชุดมาตรการคุ้มครองการจ้างงานมูลค่า 10 ล้านล้านวอนด้วย ในระหว่างที่อุปสงค์ของผู้บริโภคและภาคเอกชนยังแผ่วบาง

 

นักวิเคราะห์เชื่อว่า รัฐบาลเกาหลีใต้จะเข้ามาผลักดันโครงการลงทุนของภาครัฐและใช้จ่ายงบมากขึ้น เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจไตรมาส 2 ซึ่งจะส่งผลให้เห็นชัดเจนในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยคาดว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้น่าจะมีการขยายตัวที่อัตรา 0.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา


หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ หน้า 23 ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,569 วันที่ 26 - 29 เมษายน พ.ศ. 2563

“โซลโมเดล” ถอนพิษโควิด-19 แบบเกาหลีใต้ รอดอย่างไร ไม่ต้องล็อกดาวน์