ต้องฟัง! ความจริง3ข้อ จากหมอที่อู่ฮั่น

05 มี.ค. 2563 | 12:53 น.

บลูมเบิร์กออกรายงานพิเศษเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรทางการแพทย์ที่เดินทางไปที่จีน เพื่อค้นหาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับโคโรนาไวรัส สายพันธ์ใหม่ หรือ โควิด-19

ในรายงานระบุว่าการเดินทางของบุคคลเหล่านี้ที่เดินทางไปยังแหล่งต้นกำเนิดของไวรัสตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาจะทำให้เข้าใจเกี่ยวกับไวรัสชนิดนี้ได้ดีมากยิ่งขึ้น
บุคลากรทางการแพทย์ผู้ซึ่งคลุกคลี ทำการรักษา ศึกษาเกี่ยวกับไวรัสตัวนี้ ได้ทำรายงานและตั้งข้อสังเกตไว้ 3 ประการ

การฝักตัว และ การแพร่เชื้อ

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า โควิด-19 อาจมีการฟักตัวนาน ทำให้เกิดความกลัวว่าจะไม่สามารถตรวจจับความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผู้ติดเชื้อได้ และไม่รู้ว่าตัวเองกำลังแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น
แต่ในกรณีของชายอายุ 70 ปี จากหูเป่ย ซึ่งอยู่ในจังหวัดเดียวกันกับอู่ฮั่น มีรายงานว่าพบผู้ที่ติดเชื้อจากไวรัสและแสดงอาการหลังจากติดเชื้อยาวนานถึง 27 วัน
หนึ่งในหมอที่เป็นสมาชิกในทีมผู้เชี่ยวชาญศึกษาไวรัสชนิดนี้ กล่าวว่า “จากข้อมูลทั่วไปที่สาธารณะรับทราบในขณะนี้ ค่าเฉลี่ยขอระยะฟักตัวอยู่ที่ 5-7 วัน แต่ยาวนานที่สุดที่พบคือ 14 วัน และยังไม่มีข้อมูลที่ระบุว่า ระยะฟักตัวของไวรัสยาวนานมากกว่า 14 วัน”

แต่ในผู้ป่วยบางรายการถูกไวรัสโจมตีจะเกิดขึ้นได้ช้ามาก โดยจะมีอาการไข้อ่อนๆ ก่อนที่ร่างกายจะทรุดลงอย่างรวดเร็วในระยะเวลา 10 วัน
นอกจากนี้ยังไม่พบหลักฐานที่ว่า ผู้ป่วยที่ดีขึ้นจากการติดเชื้อ หายจากอาการ และกลับมาเป็นใหม่ สามารถส่งต่อเชื้อไปยังผู้อื่นได้หรือไม่  
ส่วนข้อมูลจากสื่อในจีนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ที่บอกว่ามีชายที่ติดเชื้อในอู่ฮั่นที่หายจากอาการป่วย เสียชีวิตหลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งรายงานนี้ถูกลบออกไปจากอินเตอร์เนตหลังจากนั้น
 

คนอายุน้อยเสียชีวิต

ก่อนหน้านี้มีการพูดถึงเชื้อโควิท-19 ที่มีอัตราการเสียชีวิตในระดับต่ำและมีผลมากกับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตที่อายุยังน้อย และยังไม่สามารถหาคำอธิบายได้
โรคที่สำคัญเช่นความดันโลหิตสูงและเบาหวาน รวมถึงผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หรือผู้ที่ใช้ยาที่มี คอร์ติโคสเตียรอยด์  (สารสังเคราะห์ที่ทำหน้าที่เป็นฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตส่วนเปลือก) ในปริมาณสูงและใช้มาเป็นเวลานาน มีโอกาสเสียชีวิตมากกว่ากลุ่มอื่น   แต่ในรายงานนี้ไม่ได้ระบุถึงช่วงอายุของผู้เสียชีวิต
Methylprednisolone (เมทิลเพรดนิโซโลน) เป็นยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ที่นำมาใช้ต้านการอักเสบหรือกดภูมิคุ้มกันของร่างกาย ถูกใช้อย่างแพร่หลายในประเทศจีน มีความเกี่ยวข้องกับการแพร่กระจายของไวรัส จากการศึกษาก่อนหน้านี้ที่เกี่ยวข้องไวรัส เมอร์ส และซาร์ส
 

ตัวอย่างและการศึกษา

ผู้เชี่ยวชาญและทีมแพทย์ กล่าวว่า ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ พวกเขาจะกดดันให้หน่วยงานด้านสาธารณะสุขของจีน รวบรวมคน ทีมแพทย์และพยาบาล หน่วยงานฉุกเฉินทำงานรวมกัน ณ โรงพยาบาลใดโรงพยาบาลหนึ่งที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้  ซึ่งจะง่ายต่อการศึกษาและการดูแลในภาวะวิกฤต  และจะใช้เครื่องช่วยหายใจในกลุ่มผู้ป่วยที่มีความล้มเหลวทางกายภาพในมากขึ้น

การวางแผนเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อรับมือกับไวรัส มีการแยกผู้ป่วย ตรวจหาเชื้อในห้องแลป และแยกผู้ป่วยออกจากผู้ป่วยทั่วไป  
 “ไม่เพียงแต่การวางแผนเพื่อเตรียมสถานที่รองรับเท่านั้น  แต่ยังต้องจัดหาเครื่องมือ เครื่องป้องกันให้กับบุคลกรทางการแพทย์ผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย”