รายงานข่าวจากข่าวจากบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ(เอกมัย) ซึ่งจะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนแบบพีพีพี ตามพ.ร.บ.ร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน พ.ศ.2562 มูลค่าโครงการ 12,513 ล้านบาท ขณะนี้บขส.ได้จัดทำรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์ความคุ้มค่าโครงการดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยส่งเรื่องให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว ก่อนที่จะเสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)
เบื้องต้นทางกระทรวงคมนาคมได้ส่งเรื่องให้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) พิจารณารายละเอียดเพิ่มเติม ล่าสุด สนข. ได้เชิญ บขส.ไปหารือและแจ้งให้ทราบว่า ยังไม่สามารถนำเสนอโครงการให้ครม. พิจารณาอนุมัติได้ เนื่องจาก บขส. ยังไม่ได้มีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ตามตามข้อกำหนดของ พ.ร.บ. ร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน พ.ศ.2562 ที่กำหนดให้โครงการร่วมลงทุนต้องทำการศึกษาผลกระทบประชาชนในท้องถิ่น รวมทั้งผลกระทบเรื่องของการจราจรและระบบการคมนาคมขนส่งในพื้นที่
“ปัจจุบัน บขส.ไม่สามารถจัดทำอีไอเอได้ เนื่องจากผลการศึกษาและวิเคราะห์ความคุ้มค่าโครงการ ที่จ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยศึกษา ไม่ได้มีการออกแบบโครงการอย่างละเอียดไว้ เป็นแค่การออกแบบคร่าวๆ เท่านั้น จึงยังทำอีไอเอไม่ได้ รวมทั้งเงื่อนไขทีโออาร์โครงการกำหนดให้เอกชนเป็นผู้เสนอราคาพร้อมออกแบบก่อสร้างโครงการมาให้ บขส.เลือก ซึ่งกำหนดให้เอกชนเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้เพื่อลดภาระต้นทุนของ บขส.”
รายงานข่าวจากบขส. ระบุอีกว่า ขณะนี้ สนข.และบขส.มองกันคนละมุม ทำให้ไปต่อไม่ได้ ดังนั้นหากบขส.และคณะที่ปรึกษาโครงการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะขอหารือกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อหาทางออก หากสคร.เห็นว่า บขส.ไม่ต้องทำอีไอเอก่อน ก็จะเสนอเรื่องให้ ครม.พิจารณาอนุมัติได้ แต่ถ้าสคร. เห็นว่า ต้องทำอีไอเอก่อนบขส.จะต้องเสนอของบจากประชุมคณะกรรมการ บขส.เพื่อจ้างทำอีไอเอ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลานาน 1-2 ปี รวมทั้งต้องรอให้กรุงเทพ มหานคร ออกประกาศเปลี่ยนแปลงสีผังเมืองจากสีน้ำเงิน เป็นส้มหรือน้ำตาลด้วยในช่วงปลายปี 2564 ซึ่งคาดว่าอาจจะส่งผลกระทบทำให้โครงการต้องเปิดประมูลล่าช้าออกไปเป็นปี 2565 หรือปี 2566 จากเดิมที่ตั้งเป้าว่าจะเปิดประมูลภายในปีนี้
สำหรับโครงการพัฒนาสถานีเอกมัย ใช้ชื่อว่า The Portal โดยจะมีการนำพื้นที่สถานีเอกขนส่งเอกมัยในปัจจุบัน ราว 7.3 ไร่ มาเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนพัฒนาพัฒนาเป็นอาคารมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ใน ชั้นล่างสุดพัฒนาเป็นสถานีขนส่งที่ทันสมัยในรูปแบบสมาร์ทสเตชั่น ส่วนชั้นบนจะทำเป็นห้างสรรพสินค้า โรงแรม สำนักงาน และที่จอดรถ โดยให้สัมปทานเอกชนจำนวน 50 ปี และมีเงื่อนไข ให้เอกชนที่ยื่นประมูลจะต้องหาพื้นที่รองรับการย้ายสถานีขนส่งเอกมัย ระหว่างการก่อสร้าง 3 ปี ด้วย เพื่อให้บขส.สามารถเดินรถได้อย่างต่อเนื่องและไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ใช้บริการ
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวมีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 12,513 ล้านบาท แบ่งเป็น 1. ค่าเช่าที่ดิน 50 ปี จำนวน 8,306 ล้านบาท และ 2.ค่าก่อสร้าง 4,206 ล้านบาท ทั้งนี้ บขส. จะได้รับผลตอบแทนตลอดระยะเวลา 50 ปี จำนวน 8,038 ล้านบาท แบ่งออกเป็น ค่าธรรมเนียมและค่าเช่าที่ดิน 50 ปี จำนวน 3,349 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไร 50 ปี จำนวน 4,689 ล้านบาท โดยเอกชนที่ร่วมทุนจะได้ผลตอบแทนดังนี้1.รายรับรวมตลอด 50 ปี จำนวน 144,350 ล้านบาท 2.รายจ่ายรวม ตลอด 50 ปี 49,931 ล้านบาท และ3.มีผลตอบแทน IRR เท่ากับ 14.2% และมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value) เท่ากับ 3,480 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาคืนทุนที่ 13 ปี
หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,634 วันที่ 10 -12 ธันวาคม พ.ศ. 2563