2 ผู้การ“ระยอง-ชลบุรี”พร้อม 5 นายตำรวจซีด ผลสอบบ่อนพนันพบผิดวินัยร้ายแรง

23 ก.พ. 2564 | 14:09 น.

สรุป 2 ผู้การฯ “ระยอง-ชลบุรี” พร้อมพวกรวม 7 นาย ผิดวินัยร้ายแรง หลังสารพัดหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ ปากคำพยาน มัดเปิดบ่อนพนัน เป็นเหตุโควิด-19 ระบาดระลอกสอง จ่อรับโทษ 2 สถาน “ปลดออก- ไล่ออก”

วันนี้(23 ก.พ.64) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) มีคำสั่งย้าย พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2(ผบช.ภ.2) พล.ต.ต.ปภัชเดช เกตุพันธ์ ผบก.ภ.จว.ระยอง , พล.ต.ต.ประการ ประจง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี, พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.จันทบุรี และพล.ต.ต.เสถียร บุญค้ำ ผบก.ภ.จว.ตราด ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฎิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.) โดยไม่มีกำหนด รวมทั้งให้ ผบช.ภ.2 ออกคำสั่งให้ตำรวจที่เกี่ยวข้องไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ภ.2 อีกจำนวนหนึ่ง

สาเหตุจากมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากการเข้าไปเล่นการพนันในบ่อน ที่.อ.เมือง จ.ระยอง , อ.บางละมุง จ.ชลบุรี, อ.ท่าใหม่ และ อ.นายายอาม จ.จันทบุรี และ อ.เขาสมิง จ.ตราด เป็นจำนวนมาก จนเป็นเหตุให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด 19 รอบใหม่ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคม 2563 เป็นต้นมา โดยบ่อนการพนันทั้งหลาย ถูกระบุว่า เป็นของนายสมชาย จุติกิต์เดชา หรือ หลงจู๊ ที่ถูกจับกุมดำเนินคดีไปเมื่อสัปดาห์ก่อนและอยู่ระหว่างประกันตัวสู้คดี  

ทั้งนี้ ผบ.ตร.มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงในกรณีนี้ โดยคำสั่งแรก เป็นส่วนของ ผบก.ภ.จว.ระยอง, ผบก.ภ.จว.ชลบุรี , พ.ต.ท.เกียรติพงศ์ กมขุนทด รอง ผกก.ป.สภ.เมืองระยอง , พ.ต.ท.โกศล เกิดมณี รอง ผกก.สส.สภ.เมือง.ระยอง ,พ.ต.ท.ณัฐกร มงคลมหา รอง ผกก.ป.สภ.บางละมุง, พ.ต.ต.ธนา วิเศษชัย สวป.สภ.เมืองระยอง และ พ.ต.ท.คำพันธ์ ขวัญทอง สว.สส.สภ.อ.เมืองระยอง รวม 7 นาย ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 3/2564 ลงวันที่ 6 มกราคม 2564

โดยเมื่อวันที่ 22 ก.พ.2564 คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ตามคำสั่งดังกล่าว ประกอบด้วย พล.ต.ท.มโนช ตันตระเธียร จเรตำรวจ(สบ.8) ในฐานะประธานคณะกรรมการ, พล.ต.ต.ภูริวัจน์ พูลสวัสดิ์ ผบก.กต.6 , พ.ต.อ.เจนกมล คำนวล รอง ผบก.กต.8, พ.ต.อ.ปิยะ ด้วงพิบูลย์ ผกก.ฝสต.2 กต.8 , พ.ต.ท.พงศกร พิพัฒนสมพร, รองผกก. ฝสต.1 กต.8 และคณะกรรมการฯ ทั้งคณะ ได้เรียกให้ ผบก.ภ.จว.ระยอง, ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และนายตำรวจทั้งหมด 7 นาย เข้ารับการแจ้งข้อกล่าวหา ที่ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงานจเรตำรวจ

หลังจากที่คณะกรรมการฯ พบหลักฐานยืนยันว่า มีการเปิดบ่อนการพนันที่บริเวณ บขส.เก่า ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จ.ระยอง ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2563 จนถึงเดือนธันวาคม 2563 และที่ ตลาดนำชัย ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม 2563 จนถึงเดือน ธันวาคม 2563 จริง

โดยมีทั้งพยานบุคคลที่เคยเข้าไปเล่นในบ่อนการพนัน ทั้ง 2 แห่งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จากการเข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุของกองพิสูจน์หลักฐาน เอกสารจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง และชลบุรี รวมทั้งพยานแวดล้อมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.ในพื้นที่ , ประธานหอการค้าจังหวัด สื่อมวลชนในพื้นที่ ซึ่งก่อนที่จะเรียกตัวนายตำรวจทั้ง 7 มาแจ้งข้อกล่าวหานั้น คณะกรรมการฯ ได้ประชุมหารือ เพื่อสรุปการรวบรวมพยานหลักฐาน แล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ว่ามีมูลกระทำผิดวินัย จึงได้มีหนังสือเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา

สำหรับข้อกล่าวหาที่ได้แจ้งให้นายตำรวจทั้ง 7 รับทราบนั้น มีทั้งสิ้น 5 ข้อกล่าวหาด้วยกัน ได้แก่

1.ไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเที่ยงธรรม เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี จรรยาบรรณของตำรวจ และนโยบายของรัฐบาลโดยไม่ให้เสียหายต่อทางราชการ อันเป็นกรณีไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2557 หมวด 5 เรื่อง วินัยและการรักษาวินัย ตามมาตรา 78(1) โดยการปล่อยปละละเลยไม่สนใจในการสืบสวนปราบปรามจับกุมบ่อนการพนัน หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ป้องกันและปราบปรามความผิดเกี่ยวกับอบายมุข ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปล่อยให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบเล่นการพนันที่มีลักษณะเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่ในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.เมืองระยอง

2. ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งสั่งในหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของทางราชการ อันเป็นกรณีไม่ปฏิบัติ ตามคำสั่ง ตร.ที่ 234/2558 ลง 27 เม.ย.2558 เรื่อง การพิจารณาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บกพร่องในการป้องกันและปราบปรามอบายมุข และ ไม่ปฏิบัติตามนโยบายการบริหารราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2564 ของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบไว้ ณ สโมสรตำรวจ เมื่อวันที่ 2 ต.ค.63 ข้อ 15 ที่สั่งการว่า ตู้ม้า บ่อนการพนันขนาดใหญ่ การพนันออนไลน์ต้องไม่มี อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 หมวด 5 เรื่อง วินัยและการรักษาวินัย มาตรา 78 (2)

3.กระทำหรือละเว้นการกระทำใด ๆ หรือยอมให้ผู้อื่นกระทำการหาผลประโยชน์อันอาจทำให้เสียความเที่ยงธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการหรือทำให้เสียระเบียบแบบแผนของตำรวจอันเป็นกรณี ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 หมวด 5 เรื่อง วินัยและการรักษาวินัย มาตรา 78 (15),(16) โดยปล่อยให้ผู้อื่นเปิดบ่อนการพนันภายในพื้นที่รับผิดชอบเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ จนทำให้ภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสื่อมเสีย

4.ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่น ได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ และกระทำหรือละเว้นการกระทำใดๆ ตามมาตรา 78 อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง โดยละเว้นการจับกุม บ่อนการพนันในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อให้เจ้าของบ่อนการพนัน และผู้เล่นการพนัน ได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ จนเป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 เป็นวงกว้าง อันเป็นกรณี ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 หมวด 5 เรื่อง วินัยและการรักษาวินัย มาตรา 79 (1),(6)

5.ปล่อยปละ ละเลย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยไม่บังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548 ข้อกำหนดความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ข้อ 5 ที่ห้ามมิให้มีการชุมนุม การทำกิจกรรม หรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ โดยปล่อยให้มีการมั่วสุมเล่นการพนันภายในพื้นที่รับผิดชอบ จนเป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดเชื้อโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ แพร่กระจายในจังหวัดชลบุรี และพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการและประเทศชาติหลายมิติ มีรายงานอีกด้วยว่า บรรยากาศการแจ้งข้อกล่าวหานั้นเป็นไปด้วยความตึงเครียด

โดยนายตำรวจทั้ง 7 ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาโดยแต่งเครื่องแบบตามปกติ ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลาที่รับทราบข้อกล่าวหา และทั้งหมดได้ให้การปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา โดยไม่ขอให้การกับคณะกรรมการฯ แต่จะขอทำคำชี้แจงเป็นหนังสือส่งให้ภายใน 15 วัน

ภายหลังจากที่เสร็จสิ้นการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว นายตำรวจทั้ง 7 ก็ได้รีบเดินทางออกจากสำนักงานจเรตำรวจ ไปขึ้นรถยนตร์ตู้ขับออกไปทันที โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ แก่ผู้สื่อข่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับข้อกล่าวหาทั้งหมดนั้น ถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ซึ่งหากผลสรุปสุดท้ายว่ามีความผิดจริง จะมีโทษเพียงสองสถาน คือ ปลดออก และไล่ออก

ส่วน พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.จันทุรี และ พล.ต.ต.เสถียร บุญค้ำ ผบก.ภ.จว.ตราด นั้น ยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาใด เนื่องจากเป็นคนละสำนวนกัน โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของคณะกรรมการที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.แต่งตั้งขึ้น ซึ่งเป็นคณะกรรมการชุดที่มี พล.ต.ท.มโนช ตันตระเธียร จเรตำรวจ ( สบ8 ) เป็นประธานเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า อาจจะมีนายตำรวจนอกเหนือจากที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้วนั้น อาจถูกเสนอชื่อให้เป็นผู้ถูกกล่าวหาเพิ่มเติมอีกจำนวนมาก เนื่องจากเป็นไปตามคำสั่งเรื่องการพิจารณาข้อบกพร่องตำรวจที่มีส่วนบกพร่องหรือเกี่ยวพันกับอบายมุข ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 234/2558 ลงวันที่ 27 เม.ย.2558 ที่ระบุตัวผู้รับผิดชอบไว้ตั้งแต่เจ้าหน้าที่สายตรวจ และสายสืบชั้นประทวน ไล่ลำดับขึ้นไปจนถึงหัวหน้าสถานีตำรวจ กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการสืบสวน และระดับกองบัญชาการ