“รังสิมันต์ โรม" อภิปราย “ประยุทธ์-ประวิตร” ชี้เป้ารู้เห็นตั๋วซื้อขายตำแหน่งตำรวจ

19 ก.พ. 2564 | 07:01 น.

สภาเดือด-ประท้วงสนั่น "รังสิมันต์ โรม"แฉนายกฯ-บิ๊กป้อม รู้เห็นการซื้อขายตำแหน่ง แทรกแซงโยกย้ายตำรวจ ใช้เส้นสายยุค คสช. ยกเว้นกติกา ดันคนของตัวเองพรวดรับตำแหน่งใหญ่

การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีรายบุคคล วันที่ 19 ก.พ. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า บุคคลทั้งสอง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต มีพฤติกรรมทุจริตต่อหน้าที่ แสวงผลประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ความไม่โปร่งใสในการบริหารราชการตำรวจทำให้กลายเป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มผลประโยชน์ กอบโกยยศตำแหน่ง มีการปล่อยปละละเลยให้ผู้ไม่มีอำนาจ เข้ามาบงการในการโยกย้ายตำแหน่งนายตำรวจ เกิดระบบอุปถัมภ์ และการใช้เส้นสายในแวดวงตำรวจ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมาตั้งแต่ยุคคสช. (คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งทำการรัฐประหารเมื่อปี 2557)

 

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

“พลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตร มีความเกี่ยวข้องโดยตรง ในการแต่งตั้งโยกย้าย เพราะเป็นประธาน ก.ตร. (สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ) แต่ทั้งสองกลับละเลยให้มีการซื้อขายตำแหน่ง โดยใช้ตั๋วแสดงเส้นสายจากนายตำรวจระดับสูง มีการทำเป็นหนังสือทางราชการขอความสนับสนุนอย่างโจ่งแจ้ง” นายรังสิมันต์เปิดประเด็น และยังนำ “ตั๋ว” ซื้อ-ขายตำแหน่งตำรวจ เมื่อปี 2562 มาแสดงในที่ประชุมด้วย

ทั้งนี้ “ตั๋ว” ที่ว่า คือเอกสารขอความสนับสนุนในการแต่งตั้งตำรวจแบบย้ายข้ามกองบัญชาการที่ พล.ต.ต. “ต” เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บังคับการ มีหนังสือส่งถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติโดยตรง เพื่อให้แต่งตั้งตำรวจนอกกองบัญชาการของตัวเอง ทั้งที่คนแค่ระดับผู้บังคับการ ไม่มีอำนาจในการแต่งตั้งนายตำรวจ ด้วยเหตุนี้ นายรังสิมันต์จึงตั้งคำถามไปยังพลเอกประวิตร ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธาน ก.ตร. ในขณะนั้นว่า จงใจละเลยให้เกิดเรื่องดังกล่าวหรือไม่

หลังจากนั้น นายรังสิมันต์ ยังเปิดเผยเส้นทางชีวิตราชการตำรวจของ พล.ต.ต. “ต.” ที่เพิ่งรับราชการตำรวจเมื่อปี 2541 ในตำแหน่งรองสารวัตรเมื่ออายุ 33 ปี การเลื่อนตำแหน่งรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ขยับจากตำแหน่งผู้กำกับการเป็นรองผู้บังคับการปราบปราม และในปีเดียวกันมีการยกเว้นหลักเกณฑ์ ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บังคับการ จากนั้นยังมีการยกเว้นหลักเกณฑ์อีก 3 ครั้ง จนได้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการในปัจจุบัน โดยนายรังสิมันต์ระบุว่า หากไม่มีการยกเว้นหลักเกณฑ์ ปัจจุบัน พล.ต.ต. “ต” ก็ยังคงเป็นได้เพียงผู้กำกับการ

“การยกเว้นหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นความรับผิดชอบของพลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตร โดยตรง ทั้งที่การเลื่อนขั้นนายตำรวจ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์การดำรงตำแหน่งแต่ละชั้นตามระยะเวลาที่กำหนด ถือเป็นการทำลายระบบคุณธรรม ที่สร้างความเสียหายอย่างมาก ทำให้นายตำรวจผู้ปฏิบัติงานเสียกำลังใจ ตำรวจที่อยากเติบโตต้องวิ่งเต้น คนที่ไม่วิ่งเต้นก็ไร้ที่ยืน” นายรังสิมันต์ ส.ส.เพื่อไทยกล่าว

อย่างไรก็ตาม การอภิปรายของส.ส.พรรคฝ่ายค้านผู้นี้ ถูกยกมือประท้วงหลายครั้งหลายหนด้วยกัน โดยฝ่ายผู้ประท้วงแย้งว่านายรังสิมันต์อภิปรายเรื่องเก่า ๆ และปัจจุบันพลเอกประวิตรก็ไม่ได้รับผิดชอบหรือกำกับดูแลตำรวจแล้ว นอกจากนี้ บ้างก็ประท้วงเพราะเห็นว่านายรังสิมันต์พูดนอกประเด็น และวนไปวนมาไม่เข้าประเด็นเหตุผลการไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและพล.อ.ประวิตร อีกทั้งบ่อยครั้ง ยังอภิปรายหมิ่นเหม่แตะประเด็นเกี่ยวกับสถาบันฯ  

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 

คำต่อคำ"บิ๊กช้าง" แจงข้อกล่าวหา"IO" ยันนายกฯไม่มีนโยบายสั่งการ

“ก้าวไกล” ขยี้ประเด็น IO หมดเวลานายกฯ “ไม่รู้-ไม่เห็น-ไม่มี-ไม่ใช่”

คลิปนาทีนายกฯทิ้งไมค์ฉุน”ฝ่ายค้านมัวแต่หัวเราะ”

นายกฯห่วงเรียกอนาคตของชาติเป็น"นักเรียนเลว"ถามคนแอบหลังไม่สงสารเด็กหรือ

“บิ๊กป๊อก” ตอบซักฟอกนิ่มๆ ลั่น ถ้าทุจริต ยอมรับทุกโทษทัณฑ์