โฆษกรัฐบาล ขอ "ม็อบคณะราษฎร" ชงไอเดียแก้ปัญหาเศรษฐกิจบ้าง

13 พ.ย. 2563 | 09:19 น.

โฆษกรัฐบาล ขอม็อบคณะราษฎร เสนอความเห็นสร้างสรรค์แก้เศรษฐกิจบ้าง ช่วยกันผ่านพ้นวิกฤติโควิด อย่ามุ่งเน้นแต่ประเด็นการเมือง ปั่นเฟคนิวส์ ไม่คำนึงจารีตประเพณี

จากกรณีที่มีการชุมนุมทางการเมืองของ ม็อบคณะราษฎร 2563 ที่มีการชุมนุมอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

 

วันที่ 13 พ.ย.  ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14 .30 น. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า รัฐบาลอยากจะเชิญชวนประชาชนที่เห็นต่าง ช่วยเสนอความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ในเรื่องเศรษฐกิจเข้ามา เพราะขณะนี้ มีการออกมาชุมนุมกันมาก ก็อยากให้เสนอแนวคิดทางเศรษฐกิจเพื่อให้ประเทศผ่านวิกฤตเศรษฐกิจ หลังการแพร่ระบาดของโรคไวรัส โควิด -19 ไม่ใช่แค่แสดงความเห็นต่างทางการเมืองเท่านั้น 

 

ซึ่งในเรื่องนี้มีกลไกลรัฐสภาดำเนินการอยู่ และในที่ประชุมอาเซียนประเทศต่างๆ หาวิถีก้าวข้ามแก้วิกฤติโควิดเป็นหลัก แต่ของไทยมีประเด็นการเมืองเข้ามาด้วย จึงคิดว่าถ้ามาพูดคุยกันตามระบบต่างๆที่มีเช่น ในเวทีรัฐสภา ก็จะก้าวข้ามอุปสรรคไปได้  นอกจากนี้ยังเห็นว่าในโลกออนไลน์มีการมีการปล่อยข้อมูลเฟคนิวส์กันเยอะ หรือ แม้แต่ในการชุมนุมต่างๆก็มีการพูดที่คำนึงถึงประเพณีที่ดีของไทย

นายอนุชา กล่าวต่อว่า อยากให้มีการพูดคุยเพื่อก้าวข้ามผ่านวิกฤติด้วยการเจรจาหาทางออก ขอให้ผู้ชุมนุมความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่จะไปกระทบกับเศรษฐกิจ และ ประชาชนจำนวนมากที่เขาพยายามประคองครอบครัวให้ผ่านพ้นวิกฤติช่วงนี้ไป

 

เมื่อถามว่าช่องทางในการสื่อสารที่จะให้ผู้ชุมนุมเสนอความคิดเห็นอย่างไรบ้าง นายอนุชา กล่าวว่า ทุกวันนี้สิ่งที่ผู้ชุมนุมพูดก็มีการเสนอข่าวผ่านสื่อมวลชนทุกหน่วยงานมีการวิเคราะห์ข่าวกันอยู่แล้ว ผู้ชุมนุมถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ ถ้ามีข้อเรียกร้องอะไรนอกเหนือประเด็นการเมือง จะถือว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง นอกจากนี้ สำนักโฆษกฯยังมีแนวคิดเดินสายไปพบกลุ่มต่างๆ อาทิ กลุ่มนักเรียน กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มเกษตรกรเพื่อรับฟังความคิดเห็นมาช่วยเหลือประชาชนด้วย แต่การดำเนินการจะมีขึ้นหลังวันที่ 20 ธ.ค. เมื่อเลือกตั้งอบจ.ผ่านไปแล้ว

เมื่อถามว่า ที่ประชุมอาเซียน  มีความเป็นกังวลสถานการณ์การเมืองของไทยหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ที่ประชุมไม่ได้พูดเรื่องการเมือง แต่มุ่งเน้นไปที่การฝ่าฟันวิกฤติโควิด และการพัฒนาวัคซีนแก้โควิด โดยขอให้เป็นสินค้าสาธารณะที่เข้าถึงได้ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียนสามารถเข้าถึงได้ก่อน