นายกรัฐมนตรี ย้ำ คว่ำเรือดำน้ำ วันข้างหน้าต้องรับผิดชอบร่วมกัน

26 ส.ค. 2563 | 06:40 น.

นายกรัฐมนตรี ย้ำ คว่ำซื้อเรือดำน้ำ เป็นมติของคนหลายคน-หลายพรรค วันข้างหน้าต้องรับผิดชอบร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (26 สิงหาคม 2563) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มีมติให้กรรมาธิการ (กมธ.) เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 จำนวน 7 คน ของพรรคลงมติไม่เห็นชอบให้จัดซื้อเรือดำน้ำในคณะชั้นกรรมาธิการฯว่า เป็นเรื่องของกรรมาธิการที่อยู่ระหว่างการพิจารณา สำหรับกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลมีความเห็นต่างในจัดการซื้อเรือดำน้ำนั้น กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคที่จะว่ากันไปแต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคณะกรรมาธิการฯจะว่าอย่างไรซึ่งมีหลายพรรคร่วมอยู่

 

อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญที่สุดได้อธิบายไปหมดแล้วถึงความจำเป็น หลักการและเหตุผล งบประมาณที่จัดซื้อก็เป็นของกองทัพเรือ และเราได้แก้ปัญหาปี 2563 ไว้แล้วส่วนหนึ่ง ฉะนั้น โครงการอะไรก็ตามที่เป็นโครงการต่อเนื่อง มีความจำเป็นหรือไม่ จำเป็นอย่างไร จะได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมาธิการฯที่จะพิจารณา  
 

“ในความรู้สึกส่วนตัว คิดว่า อะไรก็ตามที่จะต้องสร้างความมั่นคงปลอดภัยของพวกเรา ตรงนี้ไม่ใช่เพื่อใครทั้งสิ้น แต่เพื่อประเทศไทยและคนไทย ทรัพยากรของชาติของแผ่นดิน จะทำอย่างไร และโลกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด ความขัดแย้งอะไรต่างๆมีเยอะหรือไม่ เราไม่ได้มีไว้ไปรบหรือสู้กับใคร แต่เป็นเรื่องของยุทธศาสตร์ คงเข้าใจกันว่า มันเป็นอย่างไร

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

"กองทัพเรือ" ไขปมทำไมต้องซื้อเรือดำน้ำ

ปชป.เขย่ารัฐบาล คว่ำ“เรือดำน้ำ”

เช็ก 10 ประเทศอาเซียนใครมีเรือดำน้ำบ้าง

กมธ.ติดตามงบ “ท้วงซื้อเรือดำน้ำ ต้องคิดให้รอบคอบ”

 

ข้อสำคัญ งบประมาณเป็นของกองทัพเรือ เป็นงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ฉะนั้น สุดแล้วแต่กรรมาธิการฯ จะพิจารณาออกมาอย่างไร วันหน้าทุกคนก็ต้องรับผิดชอบด้วยกันทั้งหมดหากเกิดอะไรขึ้น คงไม่ใช่เฉพาะผมคนเดียว เป็นเรื่องมติของคนหลายคน หลายพรรคด้วยกัน ก็สุดแล้วแต่”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 
 
 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะกระทบความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คิดว่าการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลเป็นไปด้วยดี อย่ายกเรื่องนี้มาเป็นประเด็น เป็นเรื่องภายในที่จะต้องบริหารกันเองให้ได้ พรรคร่วมรัฐบาลต้องคุยกัน
 

“วันนี้เรื่องภาษีเราก็ไม่ได้ไปเร่งรัดกับใคร หลายคนขอโน้นขอนี่ ผมจะเอารายได้มาจากที่ไหน ขอถามสื่อว่ารู้หรือไม่ รายได้ประเทศมาจากไหน รู้ทุกคน ประชาชนบางคนรู้ แต่บางคนก็ไม่รู้ หรือรู้น้อย ผมไม่ได้โทษเขา ผมพูดเยอะก็หาว่า พูดเยอะ แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครพูดเพราะทุกคนอาจจะกลัวบ้างอะไรบ้าง ไม่กล้าพูด แต่ผมไม่กลัว จะพูดให้ประชาชนเข้าใจ จะว่าอะไรผมก็ต้องอดทนทุกเรื่อง ซึ่งอดทนมาเยอะ เพื่อใคร เพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชนของเรา ถ้าผมไม่ทำแล้วจะทำกันเมื่อไร จะรอวันหน้าก็ใช่ จะเปลี่ยนรัฐบาลหรือเลือกตั้งใหม่อะไรก็แล้วแต่

 

 

ถามว่า กว่าจะถึงเวลานั้นเวลานี้มันจะตายกันหมดหรือเปล่า ใช่หรือไม่ มันจะไม่มีงานทำ ไม่มีเงินใช้ จนกว่าจะถึงวันนั้น ทำวันนี้ให้ดีเพื่อวันข้างหน้าจะไม่ดีกว่าหรือ ต้องเริ่มอย่างนี้ ค่อยๆ ไป แล้วเดี๋ยวมันก็ไปของมันเอง ประเทศไทยเราผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งเยอะแยะ ข้อสำคัญคือ ความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ เอามาตีกันไปมาจนล้มไปหมดทั้งระบบมันได้หรือไม่ 
 

วันนี้มาดูเรื่องงบประมาณฝ่ายความมั่นคงกันอีกเพื่ออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งผมก็ไม่รู้ความตั้งใจของท่าน สิ่งสำคัญที่สุด คือ งบประมาณกระทรวงอื่นท่านก็ตัดของเขาอีก ทั้งๆที่กระทรวงเหล่านั้นเขาดูแลประชาชนใช่หรือไม่ ไปตัดของเขา ทำไมไม่ให้ความสำคัญบ้าง

 

งบหลายกระทรวงแล้วก็มาจ้องงบนี้เข้าไปด้วย สรุปว่า ประเทศเดินหน้าไม่ได้ทั้งหมด แล้วรู้หรือไม่ งบประมาณตัดแล้วไปไหน จะเอาไปทำอย่างอื่นได้หรือไม่ กฎหมายเขียนว่าอย่างไร มันก็ตกหมด ไม่ใช่ว่า จะมาอยู่งบกลางได้ หรือไม่ก็ต้องไปทำโครงการของเจ้ากระทรวงเดิมที่ผ่านมานำขึ้นมา สำหรับเรื่องการทุจริต โปร่งใส ก็ติดตามทำอย่างเต็มที่ ขอยืนยันว่า ไม่มีนโยบายทุจริตกับใครทั้งสิ้น พรรคร่วมรัฐบาลก็ประกาศเจตนารมณ์ไปแล้วว่า จะต้องไม่มีการทุจริตจะต้องทำให้ได้