คำต่อคำ “บิ๊กตู่” ประกาศภาวะฉุกเฉิน สกัดโควิดระบาด

24 มี.ค. 2563 | 07:30 น.

 

 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 14.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมว่า รัฐบาลพิจารณาใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตามกฎหมาย ปี 2548 จะประกาศในวันมะรืนที่จะถึง มีการหารือในมาตรการอื่นที่จำเป็นแล้ว ฉะนั้นจะจัดระเบียบในเรื่องของการทำงาน ยกระดับศูนย์โควิดเป็นศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉินในการแก้ไขปัญหาโควิด หรือเรียกว่า “ศอฉ.โควิด” ซึ่งข้างล่างจะมีคณะทำงานสอดประสานกัน มีปลัดกระทรวงของแต่ภารกิจนั้นเป็นผู้รับผิดชอบและเป็นหัวหน้าส่วนงานรับผิดชอบ จะติดตามมาตรการที่ประกาศไปแล้วเดิมและมีการปรับปรุงแก้ไขอะไรก็ว่ากันไป และเสนอมาตรการขึ้นมาเพิ่มเติม โดยขอให้ผม ศอฉ. เป็นคนอนุมัติ

 

“เพราะอำนาจ 38 กฎหมายมาอยู่ที่นายกรัฐมนตรีแล้วของทุกกระทรวง เป็นการบูรณาการอย่างแท้จริงในการทำงานตรงนี้ ส่วนการทำงานตั้งแต่วันมะรืนทุกเช้าจะมีการประชุมทุกเช้าเวลา 09.30 น. โดยหัวหน้าส่วนราชการทั้งหมดมารายงาน มาเสนอ ให้ทราบและหากมีอะไรจะประกาศเพิ่มเติมก็จะประกาศให้ทราบ ต่อไป”

 

ส่วนข้อกำหนดนั้นผมกราบเรียนว่า เมื่อมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการจัดตั้งคณะทำงาน ผู้รับผิดชอบต่อไปเรื่องภายในศูนย์ว่าจะทำงานกันอย่างไร และประเด็นสำคัญคือ “ข้อกำหนด” อย่างที่ทุกคนอยากจะทราบว่ามีอะไรบ้าง ผมก็อยากจะกราบเรียนว่าข้อกำหนดนั้นเราออกได้ตลอดเวลา ออกได้ทุกวัน ฉะนั้นระยะที่ 1 ที่จะประกาศในวันมะรืน(26มี.ค.) นี้ ก็คือเป็นเป็นเรื่องของการทำอย่างไรจะลดการแพร่ระบาดต่างๆ ก็อาจจะเป็นขั้นในการขอความร่วมมือ มีบังคับบ้างอะไรบ้าง ส่วนที่ว่าจะปิดจะเปิดที่อาจจะเข้มข้นขึ้น ก็เป็นระยะต่อไปในการให้ความร่วมมือของประชาชน ผมก็ไม่อยากให้ใครเดือดร้อน แต่นี่เป็นความจำเป็นต่อสถานการณ์สุขภาพของประชาชนโดยรวมนะครับ 

 

 

รัฐบาลได้มีความมุ่งมั่นเต็มที่ในการดูแลสุขภาพของประชาชนให้ได้มากที่สุด ก็ขอความร่วมมือก็แล้วกันในประเด็นต่างๆที่เราออกข้อกำหนดไปแล้ว ขอให้ร่วมมือด้วย ขอความร่วมมืออย่าเพิ่งเดินทางกลับภูมิลำเนา  หากมีความจำเป็นต้องกลับก็เป็นเรื่องที่ท่านจะเจอมาตรการต่างๆของการคัดกรองตรวจสอบต่างๆอีกมากมายที่จะต้องเป็นแบริเออร์ต่างๆ ในการทำมาตรการรองรับคนต่างประเทศ อันนี้ก็ให้เวลาในการปรับตัวไปด้วย 

 

ขณะเดียวกันเราก็ให้ความสำคัญในการกักตัวที่บ้าน กักตัว และถ้ามีความจำเป็นเราก็มีสถานที่กักตัวของรัฐเพิ่มเติมหากมีการพบการแพร่ระบาดและพบผู้ติดเชื้อมากขึ้นเป็นจำนวนมาก เราก็จำเป็นต้องหามาตรการอื่นๆมารองรับ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลสนาม พื้นที่กักตัวขนาดใหญ่สำหรับเป็นร้อย เป็นพัน ในโรงพยาบาลต่างๆ เวชภัณฑ์ต่างๆก็ต้องจัดหาให้เพียงพอ วันนี้มีมีการช่วยเหลือจากต่างประเทศเข้ามาแต่ยังไม่เพียงพอกับสิ่งที่เราต้องการขณะนี้ ต้องมีการจัดซื้อเพิ่มเติม แต่จะหาได้จากที่ไหนเพราะในเมื่อทุกประเทศยังมีความต้องการมาก 

 

สิ่งเหล่านี้ก็จะมีการหารือกันในแต่ละวันในศอฉ.นะครับ ขอให้ทุกคนอย่าตื่นตระหนก เพราะถ้าทุกคนตื่นตระหนก ถ้าตื่นตระหนกก็คือปัญหา ฉะนั้นเราต้องฟังรัฐบาล ในการให้ข่าวของรัฐบาลที่มี 2 ช่องทางด้วยกัน อันที่ 1 ในแต่ละวัน จะมีการให้ข้อมูลทั้งวันในสื่อโซเชียลต่างๆ ทวิตเตอร์อะไรก็แล้วแต่ตั้งแต่เช้าถึงเย็น จะมีศูนย์ปฏิบัติการต่างๆไม่ว่าจะเป็นของกระทรวสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม กระทรวงการต่างประเทศ จะมีการแถลงทั้งวัน ฉะนั้นจะมีช่องทางให้สอบถาม โทรสอบถาม ส่วนการสรุปเป็นเรื่องของโฆษก ส่วนประชาสัมพันธ์ของ ศอฉ. ที่จะดูประเด็นสำคัญให้รับทราบ ก็ขอให้ฟังช่องทางของรัฐบาลเป็นหลักนะครับ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

"รัฐบาล”ยันยังไม่ประกาศ"เคอร์ฟิว"ห้ามออกจากบ้าน

เปิด 6 ข้อห้าม พรก.ฉุกเฉินฝ่าฝืนอาจมีโทษหนัก

อีกส่วนสำคัญในเมื่อรัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินไปแล้ว ขอให้ทุกคนระมัดระวังในการใช้สื่อโซเชียล การให้ข่าวสารข้อมูลบิดเบือน เพราะเดิมเราใช้กฎหมายปกติ แต่อันนี้จะแต่งตั้งเจ้าพนักงานทั้งหมดซึ่งเป็นทั้งพลเรือนและทหาร ในการจัดตั้งจุดตรวจสกัด การเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือต่างๆในการทำงาน 

 

“ฉะนั้นท่านต้องเจอกับการต่างด่านตรวจ และค่อยๆปรับให้เข้มงวดขึ้นถ้ายังไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ ก็จำเป็นต้องปิดล็อกทั้งหมด อันนี้ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนก็แล้วกัน ตอนนี้อยากจะเรียนเท่านี้ก่อน”

คำต่อคำ “บิ๊กตู่” ประกาศภาวะฉุกเฉิน สกัดโควิดระบาด