รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.ได้สรุปความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับหลักเกณฑ์การคำนวณดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อปรับหลักเกณฑ์การคำนวณดัชนี โดยปรับปรุงวิธีการคำนวณน้ำหนักของหุ้นที่เป็นองค์ประกอบของดัชนีจากเดิมที่ใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในการคำนวณดัชนี (Full Market Capitalization) เป็นการใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ปรับด้วยสัดส่วนผู้ถือหลักทรัพย์รายย่อยในการคำนวณดัชนี (Free Float Adjusted Market Capitalization) ทั้งนี้ เสนอที่จะเริ่มดำเนินการโดยมีผลกับดัชนี SET50, ดัชนี SET100 และดัชนี SETHD ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป และทยอยมีผลกับดัชนีอื่นๆ ในปี 2565 – 2566 นั้น
เนื่องจากผู้ให้ความเห็นส่วนมาก “ไม่เห็นด้วย” กับการปรับหลักเกณฑ์การคำนวณดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงพิจารณาชะลอการปรับการคำนวณดัชนีดังกล่าวออกไปก่อน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการของผู้เกี่ยวข้อง โดยผู้ตอบแบบสอบถาม คือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทจดทะเบียน ที่ปรึกษาทางกฎหมาย และผู้ลงทุนทั่วไป มีความเห็นว่าดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีความเหมาะสมดีอยู่แล้ว, การปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ในการคำนวณส่งผลกระทบต่อมูลค่าหุ้น และต่อผู้ลงทุน, ควรใช้ Free Float เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือก หรือเกณฑ์ดำรงแต่ไม่ควรนำมาถ่วงน้ำหนักใช้คำนวณดัชนี
นอกจากนี้ ข้อมูล Free Float ไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ เช่น การถือหุ้นผ่าน Nominee ต่างชาติ, การใช้ FF มาคำนวณน้ำหนักหุ้น อาจจะไม่เหมาะกับหุ้นไทย เนื่องจากบริษัทในตลท.ไทยส่วนใหญ่ยังคงเป็นธุรกิจที่เป็น Family Owned, การดำเนินการดังกล่าวเป็นการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่ไม่มีเจ้าของที่แท้จริง ไม่ใช่การส่งเสริมและพัฒนาตลาดทุนและบริษัทจดทะเบียนให้ก้าวหน้า เพราะบริษัทเหล่านี้มักขาดความเต็มที่ในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากเจ้าของที่แท้จริงขายออกไปแล้ว, การปรับวิธีการคำนวณดัชนีไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องหุ้น Free Float ต่ำ และหากตลท.ประสงค์จะดำเนินการ ให้พิจารณาดำเนินการกับดัชนีใหม่
ขณะที่ ผู้ที่เห็นด้วยกับแนวทางที่ตลท.เสนอมีสัดส่วนน้อยกว่าผู้ไม่เห็นด้วย และได้ให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมว่า ควรพิจารณาผลกระทบการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักของทุกดัชนีอย่างครบถ้วน การปรับด้วย Free Float อาจเป็นผลให้มีหุ้นบางกลุ่มได้น้ำหนักมาก แต่ทำให้ดัชนีไม่น่าสนใจ, ควรประกาศล่วงหน้าก่อนมีผลเป็นระยะเวลานานพอสมควรเพื่อให้ผู้ลงทุนรับทราบและเตรียมตัว, ควรเผยแพร่ค่า Free Float, Corporate Action และวิธีการคำนวณดัชนีให้ผู้ลงทุนทราบ และควรพิจารณาใช้แนวทางเพิ่มเติมควบคู่ไปด้วย เช่น การเพิ่ม Free Float ขั้นต่ำ การแก้ไขค่านิยามของ Free Float และการให้บริษัทที่มี Free Float ต่ำกว่าเกณฑ์ต้องปฏิบัติเพิ่มเติมหรือขึ้นเครื่องหมายเตือนนักลงทุน