ดาวโจนส์ปิดลบ 23 จุด หวั่นโควิดระบาดหนักฉุดเศรษฐกิจ

11 พ.ย. 2563 | 23:38 น.

ดาวโจนส์ปิดลบ 23.29 จุด นักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐ

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐ จนทำให้หลายรัฐประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq พลิกกลับมาปิดตลาดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร
          

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,397.63 จุด ลดลง 23.29 จุด หรือ -0.08% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,572.66 จุด เพิ่มขึ้น 27.13 จุด หรือ +0.77% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,786.43 จุด เพิ่มขึ้น 232.57 จุด หรือ +2.01%

 

          

ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงหลังจากมีรายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว จนขณะนี้ยอดรวมผู้ติดเชื้อมีจำนวนสูงถึง 10,568,714 ราย และมีผู้เสียชีวิต 245,943 ราย ซึ่งทำให้หลายรัฐในสหรัฐ รวมถึงแคลิฟอร์เนีย ประกาศมาตรการเคอร์ฟิวเพื่อจำกัดเวลาการอยู่นอกบ้านของประชาชน ขณะที่ผู้ว่าการรัฐเนวาดาได้เรียกร้องให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ส่วนในนิวยอร์กซิตี้ประกาศเคอร์ฟิวเพื่อควบคุมเวลาในการเปิดให้บริการของผับบาร์และภัตตาคาร
          

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 และการใช้มาตรการเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดในสหรัฐ ได้บดบังปัจจัยบวกจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ และเป็นสาเหตุที่ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ข่าวความคืบหน้าของวัคซีนเป็นปัจจัยหนุนดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
          

หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจเรือสำราญร่วงลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 2.75%

 

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน 
          

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารดีดตัวขึ้น และเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก
          

นักวิเคราะห์จากบริษัทเมอร์เซอร์ แอดไวเซอร์ ในรัฐโคโลราโด กล่าวว่า นักลงทุนยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มตลาด และคาดหวังปัจจัยสำคัญ 3 ประการ ซึ่งได้แก่ การเปลี่ยนผ่านตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะเป็นไปอย่างราบรื่น วัคซีนที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ซึ่งมีแนวโน้มว่าพรรครีพับลิกันและเดโมแครตจะมีมุมมองที่สอดคล้องกันในเรื่องนี้
        

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน