SCGP โชว์ 9 เดือนแรก กำไรสุทธิ 4,971 ล้านบาท

28 ต.ค. 2563 | 09:47 น.

SCGP เผยผลดำเนินงาน 9 เดือนแรก กำไรสุทธิ 4,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% ชี้โมเดลธุรกิจแข็งแกร่ง การควบรวมกิจการ และฐานลูกค้าแน่นช่วยกระจายความเสี่ยง พร้อมวางแผนขยายลงทุนในภูมิภาคอาเซียนต่อเนื่อง

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) (SCGP) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานใน 9 เดือนของปี 2563 มีรายได้จากการขายรวม 69,190 ล้านบาท เติบโต 5% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,971 ล้านบาท เติบโต 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากความสามารถในการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และปัจจัยเกื้อหนุนจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของความต้องการใช้สินค้าจำเป็นที่ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยกลุ่มสินค้าที่เติบโตได้ดีใน 9 เดือนผ่านมาคือ บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค บรรจุภัณฑ์สำหรับอีคอมเมิร์ซ และบรรจุภัณฑ์สำหรับฟู้ดเดลิเวอรี่ 

นอกจากนี้ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์เริ่มมีการฟื้นตัวในไตรมาส 3 หลังจากได้รับผลกระทบจากการที่ผู้บริโภคชะลอการซื้อสินค้าคงทนที่มีมูลค่าสูงในช่วงก่อนหน้านี้ รวมถึงความต้องการบรรจุภัณฑ์ในประเทศเวียดนามที่เติบโตขึ้นภายหลังจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลายและจากการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะจากการควบรวมกิจการกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซียและบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ในประเทศไทยที่ทำให้มีรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน ยังมุ่งเน้นการขยายตลาดบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและมีความต้องการใช้อย่างสม่ำเสมอในทุกสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มดังกล่าวประมาณ 70% ของยอดขายในสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร อีกทั้งขยายธุรกิจด้วยการควบรวมกิจการ หรือ Merger and Partnership (M&P) เพื่อขยายการเติบโต รองรับการบริโภคและเมกะเทรนด์ทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงบริหารจัดการธุรกิจภายใต้แผน Business Continuity Plan และบริหารกระแสเงินสดอย่างระมัดระวัง ทำให้สามารถรับมือกับผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัส-19 ในช่วงที่ผ่านมาได้

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ระดมทุนโดยการเสนอขายหุ้นไอพีโอและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้วางแผนขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายการลงทุนและการควบรวมกิจการ ปัจจุบันโครงการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว (Flexible Packaging) ในประเทศเวียดนาม ได้เริ่มเปิดดำเนินการแล้ว และมีอีก 3 โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างด้วยงบลงทุนรวมกว่า 7,700 ล้านบาท คาดจะทยอยแล้วเสร็จในปี 2564 

สำหรับความคืบหน้าของการควบรวมกิจการ (M&P) กับ Bien Hoa Packaging Joint Stock Company หรือ (SOVI) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูก (Corrugated Containers) รายใหญ่ในประเทศเวียดนามที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ กำลังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบสินค้าคงคลังรอบสุดท้าย คาดว่าการทำธุรกรรมจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้