STGT ตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตเป็น 1 แสนล้านชิ้นในปี 2575 

03 ก.ค. 2563 | 01:44 น.

STGT ตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตเป็น 1 แสนล้านชิ้นในปี 2575 หรือเติบโตจากปัจจุบัน  3 เท่าตัว ชูจุดแข็งมี บมจ. ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี หรือ STA  ผู้ผลิตยางธรรมชาติครบวงจรรายใหญ่สุดของโลก เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่


หุ้นน้องใหม่ไอพีโอ STGT หรือ บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) ปิดการซื้อขายหุ้นวันแรก ( 2 ก.ค. ) ที่ระดับ  60.50 บาท เพิ่มขึ้น 26.50 บาท หรือ 77.94% จากราคาไอพีโอที่ 34 บาท ราคาสูงสุดอยู่ที่ 60.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 17,152.26 ล้านบาทสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของมูลค่าซื้อขายตลาดรวม

  
นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT เปิดเผยว่า จากศักยภาพของบริษัทฯที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายถุงมือยางรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก ผลการดำเนินงานที่เติบโตได้ดีในช่วงที่ผ่านมาและภาพรวมความต้องการใช้ถุงมือยางที่เติบโตได้ดีทั้งก่อนและหลังเกิดโรคระบาด COVID-19 จะสนับสนุนให้ STGT เป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน    

ทั้งนี้ หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ  STGT วางแผนขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง จาก ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 ที่มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 32,619 ล้านชิ้นต่อปี จากโรงงาน 3 แห่ง จะขยายกำลังการผลิตติดตั้งเป็นมากกว่า 50,000 ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 2567 เป็นมากกว่า 70,000 ล้านชิ้นภายในปี 2571 และเป็นประมาณ 100,000 ล้านชิ้นต่อปีในปี 2575 ตามลำดับ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตรองรับการขยายตลาดทั่วโลก นอกจากนี้มีแผนขยายตลาดใหม่ๆในกลุ่มประเทศที่มีโอกาสเติบโตสูง อาทิ ทวีปเอเชียแปซิฟิก แอฟริกา อเมริกาใต้ ฯลฯ ซึ่งกำลังพัฒนาระบบสาธารณสุขและสุขอนามัยและมีแนวโน้มความต้องการใช้ถุงมือยางเพิ่มขึ้น 

ภาพรวมการดำเนินงานของ STGT  ณ สิ้นไตรมาส 1/2563 มีรายได้รวม 3,873.28 ล้านบาท เติบโต 28.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 421.89 ล้านบาท เติบโต 184.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ในปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม 12,224.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10.3%  และมีกำไรสุทธิ 613.91 ล้านบาท เนื่องจากมีปริมาณการขายสินค้าเพิ่มขึ้นจากการขยายตลาดใหม่ๆ และการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
 

“เรามีเป้าหมายรักษาการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายถุงมือยางรายใหญ่ 1 ใน 3 ของโลก โดยเน้นเพิ่มกำลังการผลิตถุงมือยางธรรมชาติและรักษาสัดส่วนผลิตถุงมือยางไนไตรล์ที่ใช้น้ำยางสังเคราะห์เป็นวัตถุดิบที่เหมาะสม นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ภายในโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิต โดยจะยึดถือการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด ‘Touch of Life’ เพราะทุกสัมผัสนั้นมีความหมายต่อชีวิต และวิชั่นองค์กรที่ต้องการส่งมอบการปกป้องทุกสัมผัสด้วยความห่วงใย สู่ทุกชีวิตทั่วโลก” นางสาวจริญญา กล่าว

 

ข่าวเกี่ยวข้อง

STGT ไอพีโอน้องใหม่ ปิดบวก 77.94%

STGT ดัน"เสี่ยยักษ์" มั่งคั่งทันตา 1,343 ลบ. 

นายวราห์ สุจริตกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า STGT เป็นผู้ผลิตถุงมือยางชั้นนำรายใหญ่ของโลกที่มีการส่งออกสินค้าจำหน่ายกว่า 140 ประเทศทั่วโลก และจากดีมานด์ความต้องการ"ถุงมือยาง" ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังเป็นปัจจัยหนุน เนื่องจากการสวมใส่ถุงมือยางสามารลดโอกาสติดเชื้อโรคจากการสัมผัสได้ นอกจากนี้ STGT ยังมีขีดความสามารถการแข่งขันด้านต้นทุนวัตถุดิบที่ดี เนื่องจากมี บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำยางธรรมชาติแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลก เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และโรงงานตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ที่เป็นแหล่งเพาะปลูกยางพารา โดยมีพื้นที่สวนยางอยู่ถึง 19 แห่งด้วย รวม 45,000 ไร่

ภาพรวมความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ถุงมือยางทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา มีอัตราขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ไม่มีการระบาดของโรค COVID-19 สะท้อนจากการประเมินความต้องการใช้ถุงมือยางทั่วโลกในปี 2562 โดยสมาคมผู้ผลิตถุงมือยางแห่งมาเลเซีย (MARGMA) อยู่ที่ประมาณ 300,000 ล้านชิ้น เติบโตเฉลี่ย 12.2% ต่อปี นับจากปี 2559 ที่มีความต้องการใช้ 212,000 ล้านชิ้น จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมทางการแพทย์และความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมต่างๆ แสดงถึงศักยภาพการเติบโตที่ดี