ภาวะตลาดเงิน-หุ้น

12 เม.ย. 2563 | 01:21 น.

ตลาดเงินตลาดหุ้นจับทางสถานการณ์โควิด-19ทั้งในและต่างประเทศ

การเคลื่อนไหวของเงินบาทในระหว่างวันที่ 13-17 เมษายน 2563 ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.50-32.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่  สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ และตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจโลกชุดใหม่ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ( IMFX ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนมี.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจภาคการผลิตและแนวโน้มธุรกิจจากเฟดนิวยอร์กและเฟดฟิลาเดลเฟียเดือนเม.ย. และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ของเฟด นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/63 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนมี.ค. ของจีน รวมถึงผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอินโดนีเซียด้วยเช่นกัน 
 

ทั้งนี้ เมื่อในวันศุกร์ที่ 10เมษายน เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.67 เทียบกับระดับ 32.98 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา โดยเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น โดยเงินบาทได้รับอานิสงส์ในช่วงต้นสัปดาห์จากบรรยากาศของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงฝั่งเอเชียที่มีแรงหนุนจากความหวังว่าการระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศอาจเริ่มมีสัญญาณนิ่งมากขึ้น ประกอบกับเงินดอลลาร์ฯ กลับมาเผชิญแรงขายในช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากที่เฟดประกาศมาตรการผ่อนคลายทางการเงินหลายมาตรการวงเงินรวม 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งจะอัดฉีดเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่สถานะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติในระหว่างสัปดาห์ มีส่วนชะลอทิศทางการแข็งค่าของเงินบาทไว้บางส่วน 
 

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,200 และ 1,185 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,240 และ 1,250 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงมาตรการบรรเทาผลกระทบสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ของประเทศต่างๆ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนมี.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/63 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนมี.ค.ของจีน รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมี.ค.ของยูโรโซน