รัฐ...อ่านเกมส์โควิดพลาด!!!

27 เม.ย. 2564 | 23:00 น.

รัฐ...อ่านเกมส์โควิดพลาด!!! : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3674 หน้า 13 ระหว่างวันที่ 29 เม.ย.-1 พ.ค.2564 By..เจ๊เมาธ์

>> ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบที่ 3 เป็นการประเมินสถานการณ์ที่ผิดพลาดของทางภาครัฐ ส่งผลจำนวนผู้ติดเชื้อในเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้นวันละกว่า 2,000 คน ไม่มีท่าทีลดตํ่ากว่า 2,000 คน ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิต ทำนิวไฮรายวัน ล่าสุดตัวเลขเสียชีวิต 27 เม.ย. 15 คน  

ขณะที่มาตรการแก้ไขเชิงป้องกันที่ถูกเข็นออกมา ไม่ว่าจะเป็นมาตรการล็อกดาวน์ หรือ เคอร์ฟิว ในจุดที่มีความเสี่ยงสูงในหลายพื้นที่ การปิด...หรือการเลื่อนเวลาเปิดปิดการทำธุรกิจหลายประเภทเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนลดลง การท่องเที่ยวในประเทศ และการเปิดประเทศ ชะลอตัวออกไป ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าคาด  จากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ที่แบงก์ชาติ ตั้งเป้าไว้ ควรจะโตถึง 4% อาจไปไม่ถึงดวงดาว  

นาทีนี้ เจ๊เมาธ์คิดว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาไล่เบี้ยกันว่า ใคร...ถูกหรือผิด เพราะสิ่งจำเป็นในตอนนี้อันดับแรกคือ การลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลง ให้ได้มากที่สุด อันดับที่สองคือ การเร่งขยายความสามารถในการรองรับจำนวนผู้ป่วยของสถานพยาบาลให้ครอบคลุมในทุกมิติ และสุดท้ายคือ เรื่องของการฟื้นฟูความเชื่อมั่นว่า ทุกคนในประเทศสามารถเข้าถึงการป้องกัน (วัคซีน) อย่างเท่าเทียม ซึ่งหากสามารถทำทั้ง 3 อย่างนี้ ก็แน่ใจได้ว่าระบบเศรษฐกิจ สามารถฟื้นตัวได้เองโดยอัตโนมัตินั่นเองเจ้าค่ะ

 >> ผลจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบที่ 3 ทำให้ราคาหุ้น AOT ร่วง เพราะเห็นผลกระทบที่ชัดเจนมากกว่าหุ้นตัวอื่น เรื่องผลกระทบทางตรงที่ AOT โดนมากกว่าใคร คือ โอกาสเปิดประเทศช้าลง เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันข่าวพนักงานและลูกจ้าง  AOT ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งที่สำนักงานใหญ่วิภาวดีรังสิต ที่สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินภูเก็ต และสนามบินเชียงใหม่ กดดันราคาหุ้นถูกปรับลง

สำหรับเจ๊เมาธ์แล้ว ถือว่า AOT เป็นหุ้นที่ควรจะมีติดพอร์ตหุ้นเอา

ไว้บ้าง  ยิ่งราคาหุ้นปรับตัวลงมากเท่าไหร่ ความน่าสนใจมีมาก แต่ต้องบอกว่า การถือหุ้น AOT ต้องลงทุนระยะยาว  ไปจนถึงยาวมากนะคะ ถ้าใจร้อน...ต้องมองดูหุ้นตัวอื่นดีกว่าค่ะ

>> ราคาหุ้นกลุ่มเหล็กอย่าง TSTH MILL INOX GJS และ PERM ปรับขึ้น ผลจากราคาเหล็กในตลาดโลกเพิ่มขึ้นมาสูงที่สุดในรอบ 7 ปี จากสาเหตุจากปัญหาความขาดแคลนสินแร่เหล็กต้นนํ้า ในออสเตรเลีย บวกกับจีน ต้องการลดคาร์บอนไดออกไซด์ในอุตสาหกรรมเหล็กลง 30% ให้สำเร็จภายในปี 2568 (เร็วขึ้นจากแผนเดิม 5 ปี) ส่งผลให้โรงเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานในจีน ต้องปิดตัวลง ทำให้ Supply เหล็กในจีนไม่เพียงพอต่อความต้องการ ขณะที่ภาคการผลิตและภาคก่อสร้างที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ความต้องการเหล็กทั่วโลกฟื้นตัวกลับมาระดับสูง

เจ๊เมาธ์ขอเตือนว่า ตอนนี้ราคาหุ้นกลุ่มเหล็กขยับขึ้นมาไกลมากเกินไป เพราะถึงแม้ว่าราคาเหล็กที่เพิ่มสูงขึ้น  ดันผลดำเนินงานของหุ้นในกลุ่มนี้หลายตัวกลับฟื้นขึ้นมาได้ (Turnaround) แต่ไม่ได้หมายความว่า ราคาหุ้นจะวิ่งเกินพื้นฐานขึ้นมาได้ไกลขนาดนี้ และอย่าลืมว่า หุ้นกลุ่มเหล็กนี้ที่ลากราคาได้แรง...และทุบราคาได้โหดมากนะคะ อย่าได้เห็นราคาที่วิ่งแรง ๆ เข้ามาบังตา ระวัง...หุ้นกลุ่มนี้ขึ้นแรงได้ ก็ลงแรงได้เหมือนกันค่ะ

>> หุ้นเอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น (ASIAN) ราคาขยับขึ้นมาอย่างชัดเจน เพราะใกล้วัน XD (29 เม.ย.)  แจกปันผล เป็นเงินสด 0.55 บาท และปันผลเป็นหุ้น สัดส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล  นอกเหนือไปจากการแจกปันผล  ยังมีเรื่องของค่าเงินบาทที่แข็งค่า รวมไปถึงผลการดำเนินงานปี 64 ที่มีแนวโน้มว่ายังไปได้ดี โดยนักวิเคราะห์คาดว่าปี 64 บริษัทจะมีรายได้ 9,500 ล้านบาท โตขึ้น 9% เมื่อเทียบกับปี 63  สำหรับเจ๊เมาธ์ตอนนี้ เรื่องในอนาคตยังไม่มอง เอาแค่เรื่องปันผล ที่จะจ่ายเกินคุ้มแล้วนะคะ มีของดีๆ มันก็ต้องบอกต่อกับแบบนี้หละค่า ก็เจ๊เมาธ์รักทุกคนนี่ค่ะ

>> ปลายเดือนเมษายนนี้ มีหุ้น 3 ตัว เข้าซื้อขายวันแรก...ตัวแรกที่เข้าไป 27 เม.ย. ที่ผ่านมา พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง  (PROS ) ผู้ให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคารรายใหญ่ของประเทศ ผลตอบรับดี เหนือจอง 2 บาท ปิดเกมส์ IPO

ส่วน 28 เม.ย. แอสเซทไวส์  ( ASW ) ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย IPO จำนวน 206 ล้านหุ้น ราคา 9.82 บาท/หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.00 บาท   

วันสุดท้าย 29 เม.ย.  เป็นคิวของ โปรเอ็น คอร์ป  (PROEN ) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตสำหรับองค์กร (Internet Service), บริการศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์ (Internet Data Center), บริการไอซีที โซลูชันส์ (ICT Solutions) และบริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมแบบครบวงจร (Business Telecom) เสนอขาย IPO จำนวน 86 ล้านหุ้น พาร์  0.50 บาท ราคาเสนอขาย 3.25 บาท  

เมื่อตัวแรกของกลุ่ม  PROS ราคาเปิด 4 บาท เท่าตัวจอง IPO  น่าจะทำให้  ASW และ PROEN ซึ่งเข้าตลาดตามมา 28-29 เม.ย. จะมีทิศทางราคาไปแนวทางเดียวกันกับ PROS  บอกเลยว่า น่าสนใจจริงๆ เจ้าค่ะ