OR ราคาของความเชื่อมั่น

01 เม.ย. 2564 | 23:00 น.

OR ราคาของความเชื่อมั่น : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3667 หน้า 13 ระหว่างวันที่ 4-7 เม.ย.2564 By...เจ๊เมาธ์

 

>> ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สหรัฐฯ สหภาพยุโรป อังกฤษ และแคนาดา ได้ควํ่าบาตรเจ้าหน้าที่จีน 4 คน เพื่อแสดงท่าทีที่ชาติตะวันตกร่วมมือกันเพื่อส่งสัญญาณต่อต้านการใช้ความรุนแรงและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ขณะที่ H&M NIKE ADIDAS NEWBALANCE และ ZARA ซึ่งเป็นแบรนด์แฟชั่นรายใหญ่ระดับโลกก็ได้ออกมารับลูกด้วยการแสดงความกังวลในเรื่องดังกล่าว หรือมีบางรายถึงขั้นออกมาประกาศไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากผ้าฝ้ายของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์เลยทีเดียว

>> ล่าสุดทางการจีน...และประชาชนจีนก็ตอบโต้กลับด้วยการ ปิดร้านค้าแบรนด์แฟชั่นรายใหญ่เหล่านี้หลายแห่งในห้างสรรพสินค้าในจีนอย่างไม่มีกำหนด มีร้านอีก 500 สาขาก็ค้นหาในแอปฯ นำทางไม่ได้ รวมถึงร้านค้าบนอีคอมเมิร์ซทั้งใน Tmall JD.com และ Pinduodu ก็ถูกถอดออกจากแพลตฟอร์ม ขณะเดียวกันศิลปินและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของจีนหลายรายก็ได้ฉีกสัญญาของแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับการแบนฝ้ายซินเจียงเช่นกัน

>> มีการวิเคราะห์กันว่าท่าทีที่แข็งกร้าวต่อกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ของสหรัฐฯ เป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน จะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับจีนอย่างที่กำลังเป็นข่าวซุบซิบกัน และในเมื่ออเมริกาก็ไม่แกรง....จีนก็ไม่กลัว เราเองในฐานะของผ็ที่จะได้รับผลกระทบก็คงต้องมาตามดูกันว่าเรื่องราวจะเดินต่อไปถึงไหนและอย่างไรกันต่อไปเจ้าค่ะ

>> ช่วงนี้ดูเหมือน SAWAD ของ ธิดา แก้วบุตตา ดูจะโดดเด่นเป็นพิเศษ สาเหตุก็เป็นเพราะหลังจากการที่ได้ปรับโครงสร้างทางธุรกิจหลายอย่างผ่านไปอย่างเรียบร้อย ถึงตอนนี้ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นได้ว่า SAWAD ไม่ได้เป็นแค่เพียงธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ล่าสุด บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SAWAD ได้เข้าซื้อหุ้น บจก.เอส ลีสซิ่ง โดยถือหุ้นทั้งหมด 90% ทำให้วันนี้ SAWAD ยังได้ก้าวไปถึงการเป็นบริษัทผู้ปล่อยสินเชื่อรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ และสินเชื่อส่วนบุคคลไปแล้ว

>> จากนี้ไปก็คงจะได้เห็นการเดินหน้าทำธุรกิจที่แตกต่างออกไปจากเดิมของ SAWAD ซึ่งเจ๊เมาธ์เองก็ยังไม่แน่ใจว่าราคาหุ้นของ SAWAD จะขยับไปได้อีกไกลสักเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ เจ๊บอกได้แค่ว่าไปได้ไกลแน่นอนเจ้าค่ะ

>> ราคาหุ้นของ OR ในช่วงนี้อาจจะดูเหมือนว่าจะนิ่งๆ แต่สำหรับเจ๊เมาธ์...เจ๊ก็ยังมองในมุมเดิมอย่างที่เคยพูดมาตลอด นั้นก็คือเจ๊ยังมองว่า ถึงแม้ราคาของ ความเชื่อมั่นอาจจะไม่สามารถที่จะวัดออกมาเป็นตัวเลขได้ แต่ราคาของความเชื่อมั่นของหุ้นอย่าง OR ก็ยังเป็นสิ่งที่ควรที่จะต้องจ่ายเพื่อให้มีหุ้นตัวนี้อยู่ในพอร์ตนะคะ เจ๊มองว่าอีกไม่นานเกินไปราคาหุ้นของ OR น่าจะสามารถขึ้นไปทดสอบไฮเดิมที่ 36.50 บาทได้ไม่ยาก ซึ่งมุมมองนี้ก็สอดคล้องกับมุมมองของนักวิเคราะห์จากหลายสำนักที่มองราคาหุ้นที่เหมาะสมของ OR เอาไว้ที่ 40-41 บาท/หุ้น

>> ล่าสุด บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองราคาหุ้น OR เอาไว้ที่ 41 บาท โดยมองว่าธุรกิจค้าปลีกและ F&B แนวโน้มการเติบโตของ OR แข็งแกร่งมากจากการเป็น One-stop service ทั้งสถานีบริการนํ้ามันและค้าปลีก โดยความแตกต่างที่สำคัญของ OR กับคู่แข่งคือ Cafe Amazon ที่คาดว่าจะขายเพิ่มขึ้นจาก 295 ล้านแก้วในปี 2020 เป็น 519 ล้านแก้วในปี 2023 การเติบโตส่วนใหญ่มาจากในประเทศ คาดกำไรปี 2020-2023 เติบโตเฉลี่ย 21.8% ในขณะที่ บล.บล.ทรีนิตี้ ให้ราคาเป้าหมายปี 2021 ที่ 40.00 บาท โดยมองจากมูลค่าธุรกิจปัจจุบัน 26.00 บาท และมูลค่าปัจจุบันของเงิน IPO ที่ไปลงทุนในอนาคตด้วยอัตราคิดลด 14.00 บาท  เนื่องจากการใช้ถยนต์กลับมาสู่ภาวะปกติก่อนการเกิด COVID-19 และประเมินกำไร 2021 จะโดนเด่นที่ 1.2 หมื่นล้านบาท +42% จากการฟื้นตัวของธุรกิจจำหน่ายนํ้ามันที่กลับมาสู่สภาวะปกติ ส่งผลให้ปริมาณขาย +20%

>> เอากันตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม สำหรับเจ๊หุ้น OR ถือว่าเป็นหุ้นห่านทองคำที่ควรจะมีติดพอร์ตเอาไว้เป็นอย่างยิ่งเจ้าค่ะ

>> การที่ราคาหุ้นของ AIE สามารถวิ่งขึ้นมายืนที่ราคา 2.3-2.4 บาท สำหรับเจ๊แล้วไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใดทั้งสิ้นนะคะ ก็อย่างที่เจ๊เคยบอกไปว่าหุ้นตัวนี้มีหลายอย่างที่น่าสนใจ เช่น การเพิ่มการผลิตไบโอดีเซลจาก 650,000 ตันต่อวันในปี 63 มาที่ 750,000 ตันต่อวันในปี 64 ทำให้เบื้องต้นประเมินกันว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิอยู่ในกรอบ 550-650 ล้านบาท ในปี 64 เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่ 489 ล้านบาท และนี่ยังไม่รวมเรื่องการที่บริษัทจะจ่ายเงินปันผลปี 2563 ที่ 0.05 บาทต่อหุ้น แจกวอร์แรนต์ในสัดส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ใหม่ ราคาใช้สิทธิ์ 0.25 บาท (XD และ XW วันที่ 12 เมษายน 2564) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ๊ได้ข่าวมาว่าราคาหุ้นยังจะไปต่อจถึงวันขึ้น XD ประมาณว่าของฟรีคือปันผลและวอแรนท์แถมยังบวกด้วยเงินสดๆ ประมาณนั้นเลยค่ะ

>> ราคาหุ้น EA ของ สมโภชน์ อาหุนัยถูกไล่ราคาขึ้นมาเรื่อยหลังจากการที่คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) วางเป้าว่าจะดันให้ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 100% ในปี พ.ศ. 2578 หรืออีก 14 ข้างหน้า ซึ่งถ้ามองก็จะเห็นได้ว่า EA ดูเหมือนว่าจะเป็นบริษัทที่มีความพร้อมในด้านนี้มากที่สุดอีกหนึ่งบริษัท เพราะไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โรงงานแบตเตอร์รี่เพื่อรถยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงโครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ก็ล้วนแล้วแต่เป็นไปเพื่อโครงการในอนาคตอย่างรถยนต์ไฟฟ้าทั้งสิน ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้มากที่ EA จะยังสามารถเติบโตไปได้อีกเรื่อยๆ

>> อย่างไรก็ตาม ถ้าถามว่าจุดด้อยของ EA เจ๊เมาธ์ก็บอกเลยว่าจุดด้อยของ EA ก็จะมีอยู่เพียงเรื่องเดียว นั่นก็คือเรื่องราคาพาร์ที่ตํ่าเพียงแค่ 0.10 บาท ซึ่งเมื่อนำไปเทียบกับราคาหุ้นหน้ากระดานที่ 63-65 บาท มันอาจจะดูแพงเกินไปบ้าง มันก็เท่านั้นเองเจ้าค่ะ