“ปารีณา”เคสแรก เซ่น“จริยธรรม” ส่อเว้นการเมืองตลอดชีวิต

12 ก.พ. 2564 | 23:30 น.

“ปารีณา”เคสแรก เซ่น“จริยธรรม” ส่อเว้นการเมืองตลอดชีวิต : คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3653 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 14-17 ก.พ.2564 โดย...ว.เชิงดอย

+++ “คดีบุกรุกป่า” ของนักการเมืองไทย โดยเฉพาะ เอ๋-ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ มาถึงจุดที่จะต้องเดินไปสู่กระบวนการยุติธรรม เมื่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) โดย นิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. แถลงว่า ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด น.ส.ปารีณา ฐานกระทำความผิดฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 กรณีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติและที่ดินของรัฐ

+++ จากการไต่สวนปรากฏว่า น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ได้ร่วมกับ ทวี ไกรคุปต์ บิดาเข้ายึดถือ ครอบครอง และทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐ จำนวน 711-2-93 ไร่ และในวันที่ 25 พ.ค.2562 ปารีณา ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. โดยยังคงยึดถือ ครอบครอง และทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐดังกล่าวโดยอ้างเอกสารแบบแสดงรายการที่ดินฯ (ภ.บ.ท.5) ทั้ง 29 แปลงที่ถูกยกเลิกไปแล้ว และมิได้รับอนุญาต เป็นการบุกรุกที่ดินของรัฐ เป็นพื้นที 711– 2 – 93 ไร่ ซึ่งคำนวณค่าเสียหายเป็นตัวเงินจำนวน 36,224,791 บาท

+++ คณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่า การที่ น.ส.ปารีณา ในฐานะผู้แทนของประชาชน ซึ่งจะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากความขัดกันแห่งผลประโยชน์ และต้องประพฤติปฏิบัติตนให้ถูกต้องเป็นแบบอย่างที่ดี อยู่ในกรอบของจริยธรรมในการดำรงตน เคารพ ยึดถือ และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ซึ่งบัญญัติออกมาเพื่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อประโยชน์ของประชาชนหรือประโยชน์ของรัฐ มากกว่าการคำนึงถึงประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องนั้น แต่กลับไม่ยึดถือระเบียบ หลักเกณฑ์ กฎหมาย และไม่ประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวกับเรื่องการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ หรือเกี่ยวกับการปฏิรูปที่ดินที่มีเจตนารมณ์เพื่อต้องการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบความเดือดร้อน และลดความเหลื่อมล้ำในฐานะของบุคคลในทางเศรษฐกิจและสังคม

+++ ป.ป.ช.จึงมีมติว่า กรณีที่ น.ส.ปารีณา ยึดถือ ครอบครอง และใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเป็น ส.ส.กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม อันถือว่ามีลักษณะร้ายแรง และกรณีเป็น ส.ส.กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง อันถือว่ามีลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 11   ข้อ 17 ประกอบ ข้อ 27 วรรคสอง ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยต่อไป ส่วน น.ส.ปารีณา จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. เลยหรือไม่นั้น ตามกฎหมาย ป.ป.ช.กำหนดว่า หากศาลประทับรับฟ้องจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ในทันที่ เว้นแต่ศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

+++  สำหรับ น.ส.ปารีณา ถือเป็นนักการเมือง “รายแรก” ที่ถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดมาตรฐาน “จริยธรรมอย่างร้ายแรง” ตามมาตรฐานจริยธรรมฯ พ.ศ. 2561 ปมถูกกล่าวหาบุกรุกป่าสงวนและที่ดินของรัฐ ...เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ ตามรัฐธรรมนูญ  2560 โดยหากบุคคลใดถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดตามมาตรฐานจริยธรรมฯ จะถูกส่งคำร้องไปยัง “ศาลฎีกา” โดยตรงเพื่อพิจารณาวินิจฉัย โดยไม่ต้องผ่าน “อัยการ” ซึ่งหากศาลฎีการับคำร้องไว้ไต่สวนแล้ว บุคคลนั้นจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วย ตามที่ มาตรา 81 ระบุไว้ว่า กรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประทับฟ้องตามมาตรา 77 ให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา เว้นแต่ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ในกรณีที่ศาลฎีกาฯ พิพากษาว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ให้ผู้ต้องคำพิพากษานั้นพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น และจะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี ด้วยหรือไม่ก็ได้ โดยวรรคสองชี้ว่า หากถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งแล้ว ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งทางการเมืองอีกตลอดไป

+++ เห็น “โฆษก ป.ป.ช.” บอกว่า ยังมี ส.ส. หรือ นักการเมือง รายอื่น ที่ถูกร้องเรียนประเด็นผิด “มาตรฐานจริยธรรม” เกี่ยวกับการถือครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 ซึ่งยังอยู่ระหว่างตรวจสอบประมาณหลัก 10 ราย แต่เรื่องพฤติการณ์ต้องดูเป็นรายกรณีไป อาจมีลักษณะแตกต่างกัน ต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบหลายพื้นที่ เมื่อมีการร้องเรียนเข้ามา จะส่งเรื่องให้สำนักคดีที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบต่อไป …ไม่แน่หากใช้ “มาตรฐานทางจริยธรรม” อย่างเคร่งครัด ก็ไม่รู้จะเหลือ ส.ส.ใสภากี่คน

+++ ไปปิดท้ายกันที่...ครบ 1 เดือนแล้วที่นมอัดเม็ด "แดรี่วัน" นมอัดเม็ดรสนม ออริจินัล วางขายในเซเว่นอีเลฟเว่นทั่วประเทศ 13,000 สาขา กระแสตอบรับดีเกินคาด งานนี้ "พีระวิทย์ มีสมบูรณ์" เอ็มดี บริษัททอยส์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตนมปรุงแต่งชนิดอัดเม็ด ยิ้มแก้มปริ แอบกระซิบบอกตอนนี้เล็งกลางปีนี้อาจต้องปล่อยนมรสอื่นวางขายเพิ่มอีก เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ...ขอให้ เฮงๆ รวยๆ