สิบๆปีก่อน ไตรภพ ลิมปพัทธ์ นำกล้องถ่ายรัศมีมาแสดงให้ดู กล้องนี้ถ่ายรูปคนกลับไม่ปรากฏเปนคน กลับปรากฏเปนสีโปร่งอย่างสีแสงตามตำแหน่งต่างๆของร่างกายผู้ถูกถ่าย แดง เหลือง ส้ม เขียว จะว่าเปนคลื่นความร้อนที่กล้องจับไว้ได้ก็ไม่เชิง ผู้ที่คิดค้นกล้อง เขาก็มีคำอธิบายต่างๆ แดงที่หัว เเปลว่าอย่างนั้น ส้มที่ท้องแปลว่าอย่างนี้ เรียกอย่างสามัญๆว่า AURA-ออร่า ของคนๆนั้น
คุณชายถนัดศรี สวัสดิวัตน์ สมัยหนึ่งพบน้ำแร่ธรรมชาติพุขึ้นที่แม่ริม เปนน้ำพุเย็น เข้าหุ้นทำผลิตภัณฑ์น้ำแร่บรรจุขวด ใช้ชื่อการตลาดว่า น้ำแร่ออร่า ขายดิบขายดีกินแล้วเปล่งรังสี_ออร่า
กราบเรียนถามท่านว่า เหตุใดคุณชายจำเพาะจะใช้ชื่อนี้เล่าขะรั่บ?
แววตาหลังกรอบแว่นสีทองฉายแววออร่ายิบยับ เหลียวมองลอดแว่นตอบว่า “ ก็ อ้ารอ พวกคุณอยู่นี่ไงเล่า!” 55
พุทธศักราช 2560 ทั้งประเทศห่วงหาอาลัย อกไหม้ไส้ขม เตรียมการถวายพระเพลิงพระบรมศพ โศกศลย์เพียงไหน? ตอบได้ว่า ขนาดกินเกลือไม่รู้รส _ ประสาทสัมผัสตื้อดับ_ เพียงนั้น
ยังมีศิลปินผู้หนึ่ง ดังเงียบๆ วาดรูป_พระบรมสาทิสลักษณ์พระจอมราชันย์ ด้วยเทคนิคสีน้ำมัน บนผืนผ้าใบ
สุวัฒน์ วรรณมณี ศ.บ. จิตรกรรม จากศิลปากร, ชะรอยนามสกุลท่านจะส่งเสริม _ ผิวพรรณอย่างอัญมณี, ถอดรหัส สื่อความระยิบระยับประกาย จากผืนผิว
ท่านอาจารย์สุวัฒน์ คงมีตาทิพย์มองเห็นอากาศ_ ว่าบรรดาอากาศที่ห่อหุ้มรายรอบพระวรกายนั้นทำหน้าที่เปนฉากรับ ฉัพพรรณรังสี ที่เปล่งแผ่ซ่านออกจากพระองค์ ท่านได้ถ่ายทอดอากาศรัศมีอันพยับโพยมนั้น ผ่านฝีแปรงวาดแต่ง พระบรมสาทิสลักษณ์ งามงด งามอย่างตกตะลึงงันในบารมีแผ่ไพศาลมาถึงรูปวาด ชุบกระดาษผ้าใบสีให้มีชีวิต !
ฉ_แปลว่า หก , เลขหก ลำดับหก ในทางบัญญัติกฎหมายแต่ก่อนจนปัจจุบันใช้ ฉ ระบุลำดับเลขที่มาตรา_อนุมาตรา
ท่านศาสตราจารย์จำนง ทองประเสริฐ ราชบัณฑิต อดีตเจ้าคุณพระกวีวรญาณ วันหนึ่ง ณ ร้านก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ท่าพระจันทร์ กรุณาชี้แนะว่า
“เบญจ ภาษาบาลีแปลเปนไทยว่า ๕ ตรงกับละตินว่า quinque ฉ อ่าน ฉะ _ภาษาบาลีแปลเปนไทยว่า ๖ ตรงกับละตินว่า sex”
ทั้งนี้ ๑๖ โสฬส ละตินว่า sedecim_ออกเสียงอ่านแล้วเสียวฟัน
ผู้สำเร็จ_SUCCESS ดับเพลิงกิเลส เพลิงทุกข์สิ้นเชิง ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง รัศรังสีสัมพุทธไพโรจน์นั้นพลุ่งออกจากพระวรกายนับได้ “ฉ”-หกสี
ส่องแสงสว่างนำทางมนุษยโลกมืดบอด
ความสว่างของรัศมีนี้ ไม่เหมือนแสงเดือนแสงตะวัน หรือแสงไฟ ไม่เหลื่อมล้ำ เสมอกันหมด แผ่ติดไปอยู่ทั่วบริเวณและไม่ทิ้งเงาแห่งวัตถุที่ความสว่างรัศมีนั้นทาบทับ_แสงไม่มีเงา_แสงหมดจด_ไม่ทิ้งเงา
รัศมีเขียว เขียวแผ่ขาบอย่างดอกอัญชัน ปีกแมลงภู่
รัศมีเหลือง แล่นระยับอย่างทองหรดาล ดอกกรรณิการ์
รัศมีแดง ฉวัดเฉวียนแดงอย่างดอกกุมุทบัวแก้วประพาฬ
รัศมีขาว โลดไปอย่างดวงรัชนี สีสังข์ แผ่นยวงเงิน
รัศมีหงสบาท เคลือบแสดอย่างดอกหงอนไก่
รัศมีประภัสสร เลื่อมวามวาวอย่างสีแก้วผลึกอันรัศมีทั้งห้าเกิดประสมขึ้นพร้อมกัน
นับรวมได้หก รังสีรัศมีประพาย_ เรียก ฉพรรณรังสี _ลางท่านสมาสชน สนธิเชื่อม ได้ฉัพพรรณรังสี พาให้เยาวชนผู้คร้านจะศึกษา เข้าใจไปว่าเปนรังสีชนิดฉับพลัน !
ปุ้ดโถ่_ พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา หาคำตอบไม่ได้อยู่ในถ้ำ ตั้งจะสิบปี คิดจะให้มีสุวรรณรังสีปุบปับ_ต้องทำอะไรๆอีกนาน_
น้องเอ๋ย
ในพม่านั้นจะเห็นธงฉพรรณรังสีประดับอยู่ทั่วไป ธงนี้มีไว้หมายแทนพระพุทธศาสนา ใช้กันมานานนับเนื่องร้อยปี
ทำไมต้องธง?
ก็ถ้านับเนื่องว่าวงศ์พม่าแท้เดิมเปนอย่างทิเบตเทือกเขาถอยร่นมา ละแวกเขานั้นลมพัดสะบัดโบก เขาทำธงมนต์ _ธง_จารเลกมนตรา ติดแขวนไว้ชะเวิกผา ใช้อากาศธาตุพัดผ่านแล้วหอบเอามงคลมนตรานั้นลอยไป เปนให้พร เปนอำนวยศรี เปนสิริกัมมันตมงคล แผ่ไปในสี่โลกธาตุ__ก็เหมือนแผ่เมตตานี่ละหนา
อนึ่งขอแทรกไว้ ณ ที่นี้ ว่าอากาศนั้นมีสี ศิลปินไทยใช้สีแดงบอกอากาศในการวาดจิตรกรรมโบราณ
ต่อภาคสอง
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 หน้า 23 ฉบับที่ 3,635 วันที่ 13 - 16 ธันวาคม พ.ศ. 2563