อาณาจักรแอ๊นท์กรุ๊ป ในตลาดหลักทรัพย์จีน (จบ) 

15 พ.ย. 2563 | 04:50 น.

อาณาจักรแอ๊นท์กรุ๊ป ในตลาดหลักทรัพย์จีน (จบ) : คอลัมน์มังกรกระพือปีก โดย...ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน

นับแต่นั้นมา แจ็ก หม่า ได้ปรับกลยุทธ์ของแอ๊นท์โดยหันมาขยายฐานลูกค้าอาลีเพย์ที่ต้องการใช้บริการในต่างประเทศ และการลงทุนในหลายโครงการ รวมทั้งกับธุรกิจสตาร์ตอัพทางการเงินจำนวน 9 รายในเอเซียเป็นหลัก อาทิ อินเดีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ 

 

แจ็ก หม่า คงประเมินก่อนหน้านี้แล้วว่า สถานการณ์การเข้าตลาดหลักทรัพย์ของอาณาจักร “สุดยอดฟินเทคโลก” สุกงอมเต็มที่แล้ว จึงได้ผลักดันให้แอ๊นท์เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง พร้อมกับเปลี่ยนแนวมาที่ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และฮ่องกงแทน 

 

แอ๊นท์หวังว่าจะได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงภายในกลางเดือนตุลาคมเพื่อเข้าเทรดได้ภายในวันที่ 3 พฤศจิกายนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของตลาดที่อาจเกิดขึ้น เพราะก็มีกระแสความกดดันที่ต้องการกีดกันการขยายบริการโอนเงินออนไลน์จากนักการเมืองอเมริกัน

 

อย่างไรก็ดี นักลงทุนส่วนใหญ่กลับไม่กังวลใจ เพราะมากกว่า 95% ของรายได้โดยรวมของแอ๊นท์มาจากตลาดจีน และสัดส่วนน้อยมากที่มาจากตลาดสหรัฐฯ กอปรกับความเชื่อมั่นว่าธุรกิจของแอ๊นท์จะสามารถขยายตัวเข้าสู่ตลาดอาเซียน อินเดีย และประเทศอื่นในเอเชียได้ในอนาคต

 

ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า หากแอ๊นท์เข้าเทรดในสองตลาดหลักทรัพย์ดังกล่าว มูลค่า IPO เป้าหมายน่าจะอยู่ที่ 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ เพิ่มขึ้นจากราคาปัจจุบันถึง 35,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และทำให้แอ๊นท์มีมูลค่าแซงแบ้งค์ออฟอเมริกา คอร์ป (Bank of America Corp) และก้าวขึ้นเป็นธุรกิจการเงินที่ใหญ่สุดในโลก ซึ่งนั่นเท่ากับว่า แจ็ก หม่า และทีมงานของแอ๊นท์ใช้พลังความคิด ทุ่มเทกำลังกาย และใช้เวลาไม่ถึง 20 ปีก่อร่างสร้าง “รังมด” จนเติบใหญ่กลายเป็นอภิมหาอาณาจักรฟินเทคของโลก ซึ่งใหญ่กว่าขนาดเศรษฐกิจของหลายประเทศในโลก

 

อาณาจักรแอ๊นท์กรุ๊ป  ในตลาดหลักทรัพย์จีน (จบ) 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 

อาณาจักรแอ๊นท์กรุ๊ป ในตลาดหลักทรัพย์จีน (2) 

อาณาจักรแอ๊นท์กรุ๊ป ในตลาดหลักทรัพย์จีน (1) 

 

แต่ดูเหมือน “บุญมีแต่กรรมบัง” เพราะแทนที่จะมีข่าวดีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาดังที่คาดการณ์ไว้ กลับกลายเป็นข่าวร้ายที่เปรียบประดุจฟ้าผ่าครั้งใหญ่ที่ดังสนั่นหวันไหวไปทั่วโลก IPO แห่งประวัติศาสตร์กลายเป็น “สวรรค์ล่ม” เมื่อตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และฮ่องกงสั่งสร้างความตื่นตะลึงด้วยการระงับการเทรดของแอ๊นท์อย่างกะทันหัน  

 

แหล่งข่าววงในระบุว่า ก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน แจ๊ก หม่า ชายร่างเล็กที่มากเสน่ห์และมีลีลาการพูดที่ตรงไปตรงมา ได้รับเชิญไปพูดในงานประชุมสุดยอดเดอะบันด์ (The Bund Summit) เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา ณ นครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเต็มไปด้วยบุคคลสำคัญทั้งจากภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หวัง ฉีชาน (Wang Qishan) อดีตผู้คุมกฎเหล็กด้านระเบียบวินัยของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเปรียบเสมือนมือขวาของท่านผู้นำจีน อี้ กัง (Yi Gang) ผู้ว่าแบงก์ชาติจีน และ โจว เจียอี้ (Zou Jiayi) ผู้ช่วยรัฐมนตรีพาณิชย์ 

 

แหล่งข่าวระบุว่า แจ็ก หม่า ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับหน่วยงานกำกับดูแลและอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารอย่างโจ่งแจ้ง โดยพูดเปรียบเปรยว่า “พวกเราไม่ควรใช้วิธีการจัดการสถานีรถไฟกับสนามบิน ... เราไม่สามารถกำกับดูอนาคตด้วยวิธีการในปัจจุบัน” บ้างก็บอกว่า แจ็ก หม่า อาจเพลินจนหลุดปากไปว่า “ระบบการธนาคารของจีนเป็นเสมือนโรงรับจำนำ” 

หลังจากนั้น บุคคลสำคัญของจีนที่เข้าร่วมงานประชุมดังกล่าวก็ดาหน้าออกมาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนจีน โดยพยายามกระตุกความคิดของผู้คนในวงการว่า “การสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมการเงินและกฎระเบียบ ... ความปลอดภัยถือเป็นสิ่งที่ต้องมาก่อนเสมอ”  

 

ขณะเดียวกัน แจ็ก หม่า ก็ถูกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลการเงินและหลักทรัพย์ รวมไปถึงสำนักงานกำกับดูแลการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เรียกตัวเข้าพบในทันที เขาต้องเดินสายชี้แจงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายแห่งในตลอดหลายวันต่อมา 

 

และใน 2 วันต่อมา หนังสือพิมพ์หลักของจีนซึ่งเป็นกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลจีน อาทิ พีเพิ้ลส์เดลลี่ (People’s Daily) ก็ตีพิมพ์บทความวิพากษ์วิจารณ์แจ๊ก หม่า ในวันรุ่งขึ้น “จะไม่มียุคของแจ็ก หม่า แต่จะมีแจ็ก หม่า ที่อยู่ในยุคแห่งความรุ่งเรืองของจีน” ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งให้ข้อคิดในเรื่องนี้ว่า “ถ้าเราไม่เคยสู้กับเสือ เราก็จะไม่รู้ว่าเสือนั้นดุแค่ไหน”

 

ข่าวดังกล่าวทำให้หุ้นของอาลีบาบาในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กดิ่งลงนับสิบเปอร์เซ็นต์ในวันเดียว เพราะอาลีบาบาถือหุ้นในแอ๊นท์กรุ๊ปถึงราว 33% และนักลงทุนต่างประเมินกันว่า แจ็ก หม่า จะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าจะเคลียร์ปัญหานี้ได้ นอกจากนี้ ตลาดยังคาดการณ์ว่า ธุรกิจของอาลีบาบาและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกำลังอยู่บนเส้นด้าย ที่อาจจะโดนหางเลขจากมาตรการใหม่ของรัฐบาลจีนอีกไปด้วยในอนาคต 

 

แม้ว่าผู้บริหารระดับสูงและโฆษกของแอ๊นท์กรุ๊ปได้ออกมาแถลงข่าวในเวลาต่อมา “ขอโทษต่อความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น โดยจะรับมือกับปัญหาอย่างเหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์ทั้งสอง เอาชนะความท้าทาย และยึดมั่นกับความไว้วางใจบนหลักการของนวัตกรรมที่มีเสถียรภาพ เพื่อตอบโจทย์ด้านเศรษฐกิจอย่างแท้จริง และประโยชน์ร่วมมือของทุกฝ่าย” แต่ผ่านไปราว 2 สัปดาห์หลังเหตุการณ์ดังกล่าว ดูเหมือนสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย

 

ก็ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิดกันต่อไปว่าแจ็ก หม่า จะสามารถนำอาณาจักรธุรกิจของแอ๊นท์ พลิกสถานการณ์กลับมาสร้างความฮือฮาอีกครั้ง ได้หรือไม่ อย่างไร 

 

เกี่ยวกับผู้เขียน : ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน ผู้เชี่ยวชาญที่สั่งสมความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับตลาดจีน มุ่งหวังนำข้อมูลและมุมมอง ความคิดเห็นเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ ธุรกิจ การตลาดและอื่น ๆ  ที่อยู่ในกระแสของจีนมาแลกเปลี่ยนกับผู้อ่าน เพื่อเราจะไม่ตกขบวน “รถไฟความเร็วสูง” ของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีน