แนวคิดเกี่ยวกับการกำหนดให้กิจการไฟฟ้าต้องมี “ภาระผูกพันเกี่ยวกับการให้บริการสาธารณะ” (Public Service Obligation หรือ PSO) เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป โดยภาครัฐมักกำหนดให้ผู้ผลิตและขายไฟฟ้าต้องให้บริการขั้นพื้นฐานโดยทั่วถึงสำหรับผู้บริโภคทุกรายในพื้นที่บริการ ด้วยคุณภาพที่เท่าเทียมกัน และในราคาที่ผู้บริโภคทุกรายสามารถจ่ายได้
นอกจากนั้น ภาครัฐยังกำหนดให้ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายไฟฟ้ามีส่วนทำให้ประเทศบรรลุวัตถุประสงค์ด้านนโยบายที่มีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์ระดับชาติ เช่น ความมั่นคงด้านอุปทานของพลังงาน การกระจายความเจริญไปสู่พื้นที่ทุรกันดาร และการรักษาสิ่งแวดล้อม
สาเหตุที่ต้องกำหนดให้มี PSO เป็นเพราะบริการไฟฟ้าถือเป็นสาธารณูปโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและการผลิตในสังคมยุคทันสมัย และการผลิต/จำหน่ายไฟฟ้ามักมีลักษณะที่เป็นการผูกขาดโดยธรรมชาติ (natural monopoly) ดังนั้น หากปล่อยให้มีการผลิตโดยไม่มีการกำกับดูแล ก็อาจเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตเอาเปรียบผู้บริโภคมากเกินไป และอาจทำให้ชุมชนหรือพื้นที่บางแห่งที่ด้อยโอกาสไม่สามารถได้รับบริการไฟฟ้าอย่างทั่วถึงและเพียงพอ
สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา มีข้อกำหนดที่ชัดเจนว่าผู้ประกอบกิจการไฟฟ้าจะต้องมีภาระผูกพันในการให้บริการทางสังคมอย่างไร สหภาพยุโรปกำหนดให้มี PSO ใน 6 ด้าน ได้แก่
Obligation to connect คือการกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการไฟฟ้าจะต้องเชื่อมต่อให้ทุกคนที่ต้องการใช้ไฟฟ้าสามารถใช้ไฟฟ้าได้ นอกจากนั้น ในกรณีผู้ใช้ประเภทที่อยู่อาศัย (และอาจรวมถึงธุรกิจขนาดเล็ก) หลายประเทศกำหนดให้ใช้ “อัตราค่าไฟฟ้าเท่ากัน” หรือ uniform tariff คือการคิดราคาไฟฟ้าในอัตราที่เท่ากันสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทเดียวกันทั่วประเทศ โดยไม่คำนึงถึงมิติด้านระยะทาง ความหนาแน่นของผู้ใช้ และต้นทุนส่วนอื่นๆ ที่อาจแตกต่างกัน
Regularity and Quality of Supply คือการกำหนดให้ต้องมีมาตรฐานที่เพียงพอในด้านความสม่ำเสมอต่อเนื่องและคุณภาพของการให้บริการไฟฟ้า
Prices of Supply หมายถึง ราคาขายของไฟฟ้าที่ต้องสมเหตุสมผล Vulnerable Customers ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ด้อยโอกาสต้องได้รับความคุ้มครองเพื่อให้สามารถเข้าถึงบริการไฟฟ้าอย่างเพียงพอ และอาจต้องได้รับความช่วยเหลือให้จ่ายค่าไฟฟ้าในอัตราที่ต่ำด้วย ผู้ด้อยโอกาสเหล่านี้รวมถึงคนยากจน คนชรา คนเจ็บป่วยเรื้อรัง และคนพิการ
Remote Customers บริการไฟฟ้าจะต้องกระจายออกไปเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลได้ใช้ไฟฟ้าด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในสังคม และเป็นการพัฒนาพื้นที่ที่ยังด้อยพัฒนา
นอกจากนั้น สหภาพยุโรปยังมีข้อกำหนดในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมซึ่งรวมถึงประสิทธิภาพด้านพลังงาน การจัดการด้านความต้องการ (demand side management) และการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานที่สะอาดเพื่อลดปัญหาภาวะโลกร้อน
ในสหรัฐอเมริกา มีการกำหนด PSO ไว้ 4 ประเภทเพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ประกอบการเอกชนที่ผูกขาด โดยต้องให้บริการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ดังนี้
ประการแรก ผู้ประกอบการเอกชนต้องพร้อมที่จะให้บริการแก่ลูกค้าซึ่งต้องการใช้บริการดังกล่าว ทั้งนี้โดยคำนึงถึงข้อจำกัดด้านกำลังการผลิต
ประการที่สอง ผู้ประกอบการเอกชนต้องให้บริการอย่างเพียงพอและปลอดภัย ประการที่สาม ลูกค้าทุกคนต้องได้รับบริการที่เท่าเทียมกัน โดยต้องไม่มีการให้บริการที่แตกต่างกันอย่างไม่มีเหตุผลและไม่เป็นธรรมประการที่สี่ อัตราค่าบริการจะต้องสมเหตุสมผลและเป็นธรรม
นอกจากนั้น จุดเน้นในระยะหลังเกี่ยวกับ PSO ในสหรัฐฯ คือการส่งเสริมประสิทธิภาพหรือการประหยัดการใช้พลังงาน และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในฉบับหน้า จะเขียนถึง “การขยายพื้นที่ใช้ไฟฟ้าออกไปในเขตชนบท” (Rural Electrification หรือ RE) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ PSO หลายประเทศกำหนดให้เป็นวัตถุประสงค์หนึ่งในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดเป้าหมาย RE ในแต่ละประเทศก็แตกต่างกันออกไป