ผู้คนในสังคมบางส่วน อาจจะกำลังผวากับข่าว “เรือสำราญ” ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวในลำที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาบนเรือ ที่ชื่อเรือสำราญ Diamond Princess ที่ลอยลำอยู่นอกชายฝั่งเมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น มีผู้โดยสารและลูกเรือรวม 3,700 คน ทางการญี่ปุ่นยืนยันพบผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสขณะนี้รวมกว่า 200 ราย และยังคงอยู่ระหว่างถูกกักตัวเป็นเวลา 14 วัน
เรือสำราญ Diamond Princess
เมื่อมีข่าวเรือสำราญอีกลำที่ว่าชื่อ “เวสเตอร์ดัม” ซึ่งต้นทางมาจากฮ่องกง ขอเทียบท่าฉุกเฉินที่แหลมฉบัง จ.ชลบุรี หลังถูกปฏิเสธเทียบท่าฉุกเฉินมาแล้ว 3 ประเทศ คือไต้หวัน ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ ก็ทำให้สังคมไทยแตกเป็น 2 ฝั่ง ทั้งมองว่าน่าจะช่วยเหลือให้เข้ามาเทียบท่า กับอีกฝั่งไม่มั่นใจว่าจะมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาบนเรือหรือไม่ ซึ่งก็ถูกตัดสินใจโดยรัฐบาลไปแล้วว่าไม่อนุญาตให้เข้ามาเทียบท่าได้ตามที่ร้องขอ แต่หากต้องการ ยา อาหาร น้ำมัน ก็จะช่วยได้ตามหลักมนุษยธรรม
และในที่สุดข่าวก็ไปโผล่ที่กัมพูชาว่า “พบผู้ต้องสงสัยติดไวรัสโคโรนา” ประมาณ 20 คน บนเรือเวสเตอร์ดัม หลังจากรัฐบาลกัมพูชาไฟเขียวให้เทียบท่าได้
เรือเวสเตอร์ดัม ที่ลอยลำอยู่ใกล้ฝั่งกัมพูชา
กระทั่งมีข่าวว่าเช้าวันที่ 13 ก.พ. มีเรือสำราญที่ชื่อว่า Seabourn Ovation และเรือ Quantum of the Seas จะเข้ามาเทียบท่าภูเก็ต ก็ทำเอาสังคมแตกเป็นสองฝั่งอีกครากับโรคผวาเรือสำราญ
ทำเอารัฐบาลต้องออกมาอธิบาย “ความต่าง” การเข้ามาเทียบท่าระหว่างเรือที่เวสเตอร์ดัม กับ เรือสำราญ 2 ลำที่ภูเก็ต “น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี” บอกว่า จากกรณีที่เรือ Seabourn Ovation จะเทียบท่าที่จังหวัดภูเก็ตนั้น เป็นเรือที่มีเส้นทางการเดินเรือปกติที่กำหนดผ่านจังหวัดภูเก็ต โดยมีกำหนดแวะพักประมาณ 10 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งมีผู้โดยสารและลูกเรือเป็นชาวยุโรป ที่ผ่านมาเรือลำนี้ได้รับอนุญาตให้จอดเทียบท่า ที่ฮ่องกง เวียดนาม แหลมฉบัง เกาะกูด กัวลาลัมเปอร์ ลังกาวี ขณะที่แพทย์ประจำเรือได้แจ้งมาว่า ไม่มีผู้ป่วยใดเข้าเกณฑ์ตามนิยาม รวมถึงสามารถติดตามผู้โดยสารและลูกเรือทุกราย เนื่องจากเป็นเพียงจุดแวะพัก 10 ชั่วโมงเท่านั้น
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
“ประเทศไทยไม่ได้มีมาตรการห้ามการเดินทางหรือห้ามชาติใดชาติหนึ่งเข้าประเทศ อีกทั้งไทยยังมีมาตรการควบคุมโรค ซึ่งคำนึงถึงความมั่นใจและปลอดภัยของคนไทยเป็นลำดับแรก ทั้งทางบก เรือ และอากาศ แต่เรือลำนี้จะต่างจากการขอเทียบท่าของเรือเวสเตอร์ดาม เพราะเรือเวสเตอร์ดัม เป็นการขอจอดเรือฉุกเฉินนอกเหนือเส้นทางเดินเรือ และได้ถูกปฏิเสธการเทียบท่าจาก ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อีกทั้งยังเป็นการจอดเทียบท่าเพื่อกระจายผู้โดยสารออกเส้นทางอื่น เช่นโดยสารทางเครื่องบินกลับประเทศ”
“ฐานเศรษฐกิจ” ได้ตรวจสอบและทำการเปรียบข้อมูลเรือของเวสเตอร์ดัมกับ เรือ Seabourn Ovation พบว่า
เรือ Sea bourn Ovation ขอเทียบท่าจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นการเดินทางออกจากต้นทางประเทศฮ่องกง ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 63 ผู้โดยสารและลูกเรือเป็นชาวยุโรป โดยใช้เส้นทางเดินเรือปกติ ที่กำหนดผ่านจังหวัดภูเก็ต มีกำหนดการแวะพักประมาณ 10 ชั่วโมง และสามามารถติดต่อผู้โดยสารและลูกเรือได้ทุกราย เนื่องจากภูเก็ตเป็นเพียงจุดแวะพัก 10 ชั่วโมงเท่านั้น
ที่ผ่านมาเรือได้รับอนุญาตให้จอดเทียบท่า ที่ฮ่องกง เวียดนาม แหลมฉบัง เกาะกูด กัวลาลัมเปอร์และลังกาวี ซึ่งแพทย์ประจำเรือเป็นผู้แจ้งว่า ไม่มีผู้ป่วยตามนิยาม หรือ ผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์ต้องสงสัยติดไวรัสโคโรนา
ซึ่งต่างจากเรือ Westerdam ซึ่งเรือเดินทางจากต้นทางคือประเทศฮ่องกง เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 63 เช่นเดียวกัน แต่ที่ขอเทียบท่าแหลมฉบังเพื่อขอจอดฉุกเฉิน ที่ผ่านมาถูกปฏิเสธเทียบท่าจาก 3 ท่าคือ ไต้หวัน ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ และการขอจอดแหลมฉบังเป็นการขอจอดนอกเส้นทางเดินเรือ โดยมีผู้โดยสารเป็นชาวจีนและฮ่องกง 21 คน ขอจอดเทียบท่าเพื่อกระจายผู้โดยสารออกไปยังเส้นทางอื่นๆ เช่น โดยสารเครื่องบินกลับประเทศ
“อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม” บอกว่า ทางเรือ Sea bourn Ovation ได้มีการส่งรายงานสุขลักษณะของผู้โดยสาร และลูกเรือผ่านแบบฟอร์ม ท 1,2 และ3 พร้อมให้แพทย์ประจำเรือตอบแบบสอบถามในเรื่องโคโรนาไวรัสส่งให้แพทย์ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ตรับทราบไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง ก่อนที่เรือจะมาถึง พร้อมระดมเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขประจำที่ท่าเรือเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิของผู้โดยสารและลูกเรือทุกคนก่อนออกไปท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตต่อไป
นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม
“ยืนยันว่า เรือดังกล่าวไม่ใช่เรือที่มีผู้โดยสารกลุ่มเสี่ยง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแนวทางการตรวจผู้โดยสารตามมาตรฐานขั้นตอน และจากประวัติการเดินเรือของ Seabourn Ovation ที่ผ่านมาได้รับการอนุญาตให้จอดเทียบท่าเรือทั้งในฮ่องกง เวียดนาม แหลมฉบัง เกาะกูด กัวลาลัมเปอร์ ลังกาวี มาโดยตลอด รวมทั้งเส้นทางการเดินเรือเป็นเส้นทางปกติที่ได้กำหนดเส้นทางผ่านจังหวัดภูเก็ต โดยมีกำหนดแวะพัก 10 ชั่วโมง...
ซึ่งจะไม่เหมือนเรือเอ็มเอส เวสเตอร์ดัม ที่ถูกปฎิเสธการเข้าจอดเทียบท่าเรือในทุกเส้นทางการเดินเรือ ทั้งญี่ปุ่น ไต้หวัน ฟิลิปปินส์”