ดราม่าไม่จบ! กัปตันแห่ #saveการบินไทย แจง 'น้ำมันของนักบิน'เชิงวิชาการ

24 มี.ค. 2564 | 02:22 น.

ปมดราม่าร้อน" น้ำมันการบินไทย " ยังไม่จบ กัปตันหลายราย ซัดหมอต้วงต่อ แห่แจงข้อเท็จจริง ขณะกัปตัน ปริญญา มงคลกุล อธิบายในเชิงวิชาการ ลั่น! ไม่มีสายการบินใด ยอมทำผิดกฏหมาย เพื่อความประหยัด

จากประเด็นร้อนการบินไทย หลังจาก นายแพทย์กรพรหม แสงอร่าม หรือ หมอต้วง  ซึ่งเป็นอดีตนักบินการบินไทย ออกมาชี้แจงเหตุผล ขอลาออกจากบินไทย หลังได้รับการประเมินต่ำ ด้วยเหตุ ตนเองมักจะสั่งน้ำมันสำรองไปเพิ่มจากเกณฑ์ขั้นต่ำอยู่เสมอ พร้อมเผยข้อมูลน่าตระหนก ว่าครั้งหนึ่งเคยวิดดับยกลำมาแล้ว จากเหตุน้ำมันเครื่องบินไม่พอ ตีแผ่ปัญหาภายในการบินไทย จนสังคมเกิดคำถาม ว่ายังสามารถเชื่อมั่นต่อการบริการได้หรือไม่ หากไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลัก

ก่อน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง  ว่าบริษัทไดด้ดำเนินธุรกิจการบิน โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารและเที่ยวบิน ซึ่งถือเป็นความสำคัญสูงสุดในทุกเที่ยวบิน ส่วนการวางแผนการบินและน้ำมันเชื้อเพลิง จะถูกจัดทำโดยเจ้าหน้าที่วางแผนการบิน (Dispatcher) ที่ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เป็นผู้ทำหน้าที่ในการวางแผนการบิน ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานกฎการบินทุกประการ ยืนยัน บริษัทฯ ไม่มีนโยบายด้านการประหยัดด้วยการให้ลดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงลงต่ำกว่า Standard ramp fuel แต่อย่างใด

ดราม่าไม่จบ! กัปตันแห่ #saveการบินไทย แจง 'น้ำมันของนักบิน'เชิงวิชาการ

อย่างไรก็ตาม ประเด็นดราม่าดังกล่าว ยังคงมีความเคลื่อนไหวรายวัน จากทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้อง และความคิดเห็นของสาธาณชน เกี่ยวกับปัญหาภายในของการบินไทย และปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงต่อเที่ยวบิน ล่าสุด มีกัปตันการบินไทยหลายราย ทยอยออกมาแสดงความคิดเห็น และชี้แจงข้อเท็จจริง ผ่านการติดแฮชแท็ก # Saveการบินไทย เป็นจำนวนมาก เช่น กัปตัน ที่ใช้ชื่อ เฟซบุ๊ก Supachat Varongsurat  ระบุ ....


" มันไม่ใช่นิยายชีวิตบนฟ้า
ที่เอา ผดส. มาเป็นตัวประกัน
แต่ความเป็นจริงอีกด้านนึง 
คือมันก็แค่เป็นเรื่องธรรมดา
ของคนที่ใช้... อารมณ์
มากกว่า... ใช้สติเท่านั้นเอง "

ดราม่าไม่จบ! กัปตันแห่ #saveการบินไทย แจง 'น้ำมันของนักบิน'เชิงวิชาการ

ขณะ กัปตัน ปริญญา มงคลกุล ผู้ใช้เฟซบุ๊ก : Prinya Mongkolkul โพสต์ชี้แจง ประเด็นน้ำมันของนักบิน ในเชิงวิชาการ พร้อมขอให้ผู้โดยสารเชื่อมั่นในความปลอดภัยของการบินไทย ดังนี้....

มีคำถามจากเพื่อนๆที่ไม่ใช่นักบินมากมาย เรื่องการใช้น้ำมันของนักบินที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ ขอชี้แจงในมุมของวิชาการนะครับ ไม่เอาดราม่า

1) Extra fuel คืออะไร?
Extra fuel (หรือที่ ICAO เรียกว่า Discretionary Fuel) คือน้ำมันที่ PiC (Pilot In Command) สามารถสั่งเพิ่มจากปริมาณน้ำมัน minimum fuel ที่คำนวณมาจากการวางแผนการบินครับ

2) แล้ว minimum fuel คืออะไรล่ะ? ถ้ามีน้ำมันแค่นี้มันจะปลอดภัยเหรอ?
ค่า Minimum fuel ในแผนการบินนั้น จะคำนวณรวมน้ำมันที่จำเป็นสำหรับ

-การติดเครื่องยนต์ และ taxi ไปวิ่งขึ้น
-การเดินทางทั้งหมด (Trip fuel)
-น้ำมันที่อาจจะต้องใช้บินไปสนามบินสำรอง (Destination alternate fuel)
-น้ำมันที่เผื่อไว้สำหรับตัวแปรอื่นที่ยังมองไม่เห็น (เรียกว่า Contingency fuel) เช่นมีผู้โดยสารเพิ่มกระทันหัน, ได้บินในระดับความสูงที่แตกต่างจากแผนการบิน, ลมต้านระหว่างทางแรงกว่าคาด ฯลฯ
-และยังมีน้ำมันกันเหนียว เอาไว้บินวนที่สนามบินสำรองอีก 30 นาทีด้วย (เรียกว่า Final Reserve fuel)
ซึ่งค่าต่างๆเหล่านี้ได้มาจากการข้อมูลเชิงสถิติ (Performance Based).. ดังนั้นถึงแม้จะปฏิบัติการบินด้วยปริมาณน้ำมันเพียงแค่ minimum fuel เที่ยวบินก็ยังปลอดภัยเหลือเฟือตามมาตรฐานสากลครับ

3) งั้นน้ำมันที่ใช้ไปสนามบินสำรองล่ะ คืออะไร? คิดเผื่อไว้น้อยเกินไปจะได้เหรอ?
ตาม ICAO Annex 6 แล้ว ปริมาณน้ำมันที่ใช้บินไปสนามบินสำรอง (Destination Alternate fuel) จะต้องคำนวณจากเส้นทางที่คาดว่าจะบิน (fly the expected routing)นะครับ 
ซึ่งในสมัยโบราณ เทคโนโลยียังไม่ฉลาดพอให้เราคำนวณตามเส้นทางที่กำหนดได้เป๊ะนัก (เพราะสนามบินปลายทางแต่ละแห่ง สามารถเลือกใช้สนามบินสำรองได้มากมายหลายแห่ง โปรแกรมโบราณไม่สามารถบรรจุเส้นทางบินไปสนามบินสำรองได้ครบถ้วนทุกแห่งครับ) แต่ปัจจุบันเราสามารถกำหนดเส้นทางไปสนามบินสำรองได้โดยละเอียด (โดยโปรแกรมจะคำนวณตั้งแต่ missed approach, ออกตาม SID ที่คาด, บินตาม airway ที่คาด, เข้าด้วย STAR และบินลงทางวิ่งที่คาดเลย)

4) ถึงกัปตันจะสั่ง extra fuel เพิ่ม (เพื่อเผื่ออะไรก็แล้วแต่) แต่ถ้าน้ำมันจำนวนนี้ยังไม่ถูกใช้ไป มันก็ยังอยู่ในถังนี่นา ไม่เห็นเป็นการสิ้นเปลืองเลย?

การสั่งน้ำมัน extra fuel เป็นการเพิ่มน้ำหนักให้เครื่องบินครับ เมื่อเครื่องบินมีน้ำหนักเพิ่มก็ย่อมจะกินน้ำมันเพิ่มด้วย ประมาณ 3.5% ของน้ำหนักที่แบกไปต่อ 1 ช.ม.(การบินไทยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มจากการแบก extra fuel ประมาณ 600 ล้านบาทต่อปี)
ดังนั้นทาง IATA (International Air Transport Association สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ) จึงแนะนำให้สายการบินวางแผนการบินโดยคำนวณจากข้อมูลทางสถิติ (Performance Based) โดยกัปตันจะสามารถสั่งเพิ่มได้ที่หน้างานเฉพาะเมื่อเกิดเหตุที่ไม่ได้คาดไว้เท่านั้น (อ้างจาก IATA. (2011). Guidance Material and Best Practices for Fuel and Environmental Management 5th edition)

การบินไทยก็วางแผนการบินเช่นนั้นครับ เที่ยวบินใดที่มีปัญหาล่าช้าเป็นประจำ (เช่น BKK-MNL-BKK) ก็ยอมเสียน้ำมันเพิ่ม วางแผนการบินให้บินด้วยความเร็วสูงไปเลย หรือสนามบินใดที่มีการจราจรหนาแน่นมีโอกาสต้องบินวนนาน ก็จะวางแผนการบินโดยเผื่อน้ำมันเอาไว้บินวนเอาไว้แล้วด้วย

โปรดสังเกตว่าถ้าเที่ยวบินมีการดีเลย์ มันจะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายให้สายการบินอย่างมหาศาล ไหนจะค่า transfer ผู้โดยสารตกเครื่องไปสายการบินอื่น ไหนจะผลกระทบเป็นลูกโซ่กับเที่ยวบินถัดไป ไหนจะชื่อเสียงภาพพจน์ของบริษัท ฯลฯ ดังนั้นสายการบินจึงกำหนดนโยบาย และฝึกนักบินทุกคนให้ความสำคัญกับการตรงต่อเวลาครับ (Punctuality) นักบินทุกคนย่อมทราบดีว่า การสละน้ำมันเพิ่มเพื่อเพิ่มความเร็ว ย่อมคุ้มค่ากว่าการปล่อยให้เที่ยวบินล่าช้าเป็นไหนๆ

สิ่งที่ IATA และสายการบินทั่วโลกพยายามทำ คือการลดปริมาณการสั่ง extra fuel "ที่ไม่จำเป็น"ลงครับ (ไม่ใช่ลดการใช้น้ำมันลงตามที่กระแส social เข้าใจ) ไม่มีสายการบินใดยินยอมลดระดับความปลอดภัย หรือยอมให้เที่ยวบินล่าช้า เพียงเพราะต้องการประหยัดน้ำมันหรอกครับ มันไม่คุ้มกันเลย

อยากจะให้ทุกคนมั่นใจกับความปลอดภัยของการบินไทยนะครับ ทุกสายการบินในประเทศไทย ถูกกำกับควบคุมโดยสำนักการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ซึ่งถูก ICAO กำกับดูแลอีกที.. ไม่มีทางที่สายการบินใดจะยอมทำผิดกฏหมายเพื่อความประหยัดหรอกครับ วางใจได้ 
 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

ปมดราม่าอดีตนักบินการบินไทย อดีตผู้บริหารฝ่ายบินมองใครถูกใครผิด

“การบินไทย”สยบปมดราม่าแจงเกณฑ์ประเมินผล“นักบิน”ยึดความปลอดภัย

ซัดกันนัวอดีต“กัปตันต้วง”เผย“การบินไทย”นัดเคลียร์ด่วน