การบินไทย ไม่จบยืดแผนฟื้นฟู ประชุมเจ้าหนี้ไม่ได้

ในการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการของการบินไทย คณะผู้ทำแผนจะยื่นเรื่องต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอขยายเวลาส่งแผนต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ออกไปอีก 1 เดือน จาก 2 มกราคม2564 เป็นไม่เกิน 2 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งก็เป็นไปตามกระบวนการที่การบินไทยมีสิทธิขยายเวลาได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 1 เดือน

ทั้งนี้ภายในสัปดาห์นี้คณะผู้ทำแผนจะมีการประชุมร่วมกันเพื่อนำรายละเอียดของแผนของทุกฝ่ายมาพิจารณาร่วมกัน อาทิ แผนธุรกิจ แผนกลยุทธเครื่องบิน แผนลดต้นทุน การจัดโครงสร้างองค์กร หลังจากในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีการจัดทำแผนคืบหน้าไปแล้วพอสมควร

ประกอบกับการเจรจาเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ก็มีบางส่วนตกลงกันได้ แต่การเจรจากับเจ้าหนี้โดยเฉพาะสหกรณ์ออมทรัพย์ 89 แห่งที่เป็นเจ้าของหนี้หุ้นกู้การบินไทย 4.3 หมื่นล้านบาท หรือเจ้าหนี้บางส่วน ยังไม่ได้ข้อยุติทั้งหมด จึงไม่สามารถประชุมเจ้าหนี้เพื่อทบทวน ก่อนจะเสนอแผนต่อเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ ทำให้ผู้ทำแผนจึงยื่นขอนำส่งแผนดังกล่าวออกไปอีก 1 เดือน

ทั้งนี้ในการจัดฝูงบินใหม่ มีการประเมินว่าในปี64 การบินไทยจะใช้เครื่องบินทำการบินได้ไม่เกิน 40-45 ลำ และภายในปี68 จะใช้เครื่องบินอยู่ที่ 70 ลำ จากเครื่องบินทั้งหมด 101 ลำ เป็นเครื่องบินของการบินไทย 81 ลำ และเครื่องบินที่ให้ไทยสมายล์ เช่าเครื่องบิน 20 ลำ ดังนั้นการขายทรัพย์สิน เป็นส่วนหนึ่งในแผนฟื้นฟูกิจการ โดยการขายเครื่องบินเก่ารวม 42 ลำ ก็เป็นการขายเครื่องบินที่จะปลดระวางอยู่แล้ว

แต่ในขณะเดียวกันการบินไทยก็มีแผนจะรับมอบเครื่องบิน รุ่นโบอิ้ง 777-300ER ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ลำใหม่ ที่ได้สั่งซื้อไปตามแผนการปรับปรุงฝูงบินปี 61-65 ซึ่งออกจากโรงงานประกอบขั้นสุดท้ายของโบอิ้ง แต่การบินไทยจะรับมอบได้หรือไม่ขึ้นกับแผนฟื้นฟู

ส่วนการปรับโครงสร้างองค์กร หลังจากการบินไทยเปิดโครงการร่วมใจจากองค์กร( MAP A) มีพนักงานสมัครใจลาออก จำนวน 1,918 คน และโครงการลาระยะยาว (LW20) มีพนักงานร่วมโครงการ 2,699 คน และมีสิทธิร่วมใจจากองค์กร Mutual Separation Plan B (MAP B) มีจำนวน 360 คน เบ็ดเสร็จมีพนักงานลาออกไป 2,278 คน

แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะในปีหน้าจะยังคงมีพนักงานคงเหลือราว 1.4-1.5 หมื่นคน ลดค่าใช้จ่ายด้านบุคคลากรได้ราว 300 ล้านบาทต่อเดือน จากค่าใช้จ่ายพนักงานอยู่ที่ราว 1,100 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้ล่าสุดการบินไทยได้เปิดโครงการ Togerther We Can 2 ขยายเวลาการปรับลดเงินเดือนและค่าตอบแทน และโครงการลาหยุดโดยไม่รับเงินเดือนและค่าตอบแทน จากเดิมที่โครงการTogether We Can สิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม2563 ขยายไปเริ่มต่อเนื่อง ในวันที่ 1 ม.ค.-30 เมย.ปีหน้า หากพนักงานทุกคนเข้าร่วมโครงการฯจะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้บริษัทได้โดยประมาณ 157 ล้านบาทต่อเดือน

อีกทั้งตามแผนหากต้องลดจำนวนฝูงบินลงกว่า 40% ความต้องการพนักงานก็จะต้องลดลงกว่าครึ่ง จากปัจจุบันที่การบินไทยมีพนักงาน 1.9 หมื่นคน

นอกจากนี้การบินไทย ได้มีการปรับเปลี่ยนผู้บริหารระดับรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (EVP)ใหม่ โดยได้มีการจ้างให้ลาออก 2 ตำแหน่ง คือ นางสุวิมล บัวเลิศ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายทรัพยากรบุคคล ก่อนจะย้ายมาเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่เพื่อการฟื้นฟูกิจการ(สายทรัพยากรบุคคล) นายณัฐพงศ์ สมิตอำไพพิศาล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการเงินและการบัญชี ก่อนจะย้ายมาเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่เพื่อการฟื้นฟูกิจการ (การแยกบัญชีการเงินของหน่วยธุรกิจ) มีผลไปตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา

ขณะที่นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์(DN) ได้ตัดสินใจลาออกเอง ซึ่งจะทำงานวันสุดท้ายในวันที่ 31 ธันวาคมนี้

รวมไปถึงการบินไทยยังมีแผนจะสรรหาคัดเลือกพนักงาน Re-Contract หรือการทำสัญญาจ้างใหม่ อาทิ ระดับต่ำกว่าบริหาร เช่นระดับปฏิบัติการ จะต้องมีการประเมินผลการปฏิบัติงานย้อนหลัง 3 ปี การมีส่วนเข้าร่วมในการลาหยุดด้วยความสมัคร ส่วนกลุ่มสเปเชี่ยล ลิสต์ อาทิ นักบิน ช่าง บัญชี กฏหมาย ครัว จะต้องมีส่วนเข้าร่วมจิตอาสาของบริษัทฯมีผลทดสอบภาษาอังกฤษ และคอมพิวเตอร์ และมีความรู้ความสามารถเฉพาะวิชาชีพ เป็นต้น

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ข่าวหน้า1 ฉบับที่ 3638 วันที่ 24-26 ธันวาคม2563

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
การบินไทย ดิ้นหาเงิน โละเครื่องบิน 42ลำ ขายที่3แปลงหมุนสภาพคล่องปี64
โควิดระลอกใหม่พ่นพิษ การบินไทย ยกเลิกไฟล์ตบินรับพรปีใหม่
‘การบินไทย’ เปิด Together We Can 2 ขยายเวลาลดเงินเดือน-ลาหยุดไม่รับเงิน
การบินไทย ประกาศขายเครื่องบินเพิ่มอีก 8 ลำ รวมเป็น 42 ลำ
การบินไทย ไตรมาส3/63 ขาดทุน บักโกรก 2.15 หมื่นล้านบาท9เดือนเฉียด5หมื่นล้าน