ปรับสปีด ฉีดวัคซีน เร่งอัดอีก 7แสนล้าน ความหวังฟื้นเศรษฐกิจ

27 พ.ค. 2564 | 19:10 น.

ในห้วงที่ประทศไทยต้องสปีดในการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ได้ 100 ล้านโดส ตามเป้าหมายในเบื้องต้นของรัฐบาล และต้องเร่งระดมฉีดให้ครอบคลุม 70% ของจำนวนประชากรภายในปีนี้เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ นำไปสู่การเปิดประเทศเพื่อให้คนทั้งในประเทศและจากต่างประเทศกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ขณะที่ล่าสุดรัฐบาลเตรียมออกพ.ร.ก.กู้เงินอีก 7 แสนล้านบาท เพื่อใช้ต่อสู้กับโรคโควิดที่กำลังระบาดรุนแรงในระลอก 3 ที่ต้องทำงานแข่งกับเวลาในการควบคุมโรคให้อยู่ในวงจำกัดภายใน 3 เดือน เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว งบก้อนใหม่อีก 7 แสนล้านอาจะไม่เพียงพอในการแก้ปัญหา

 

 

เร่งกู้อีก 7 แสนล้าน

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เห็นด้วยกับที่รัฐบาลจะออก พ.ร.ก.กู้เงินอีก 7 แสนล้าน เพื่อใช้แก้ปัญหาโควิดระลอกใหม่ และใช้ชดเชย เยียวยาประชาชนและผู้ประกอบการ รวมถึงใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งรัฐบาบต้องเร่งออก พ.ร.ก.โดยเร็วเพื่ออัดฉีดเม็ดเงินจำนวนนี้ให้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็วที่สุด เพื่อให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ ควบคู่ไปกับการเร่งรัดมาตรการช่วยเหลือด้านกำลังซื้อของประชาชน เช่นผ่านโครง การคนละครึ่ง (เฟส3) หรือช้อป ดีมีคืน ที่รัฐบาลเตรียมแผนจะดำเนินการในเดือนกรกฎาคม มองว่าควรเร่งให้เร็วขึ้นมาเป็นในเดือนมิถุนายน

“ต้องดึงเม็ดเงินคนละครึ่งจากเดือน 7 มาใช้ตั้งแต่เดือน 6 รอเดือน 7 จะช้าไป เพราะไตรมาสนี้คนเดือดร้อนกันมากจากโควิดรอบใหม่ และเวลานี้อะไรก็ไม่มีความแน่นอน ทุกอย่างผันผวนเร็วมาก”

สำหรับ เงินก้อนใหม่อีก 7 แสนล้านของรัฐบาลถ้าใน 3 เดือนนี้สามารถคุมโควิดอยู่ก็น่าจะเพียงพอใช้ ควบคู่ไปกับการเร่งระดมฉีดวัคซีนที่เวลานี้รัฐบาลมีความชัดเจนว่าแต่ละเดือนจะได้วัคซีนเข้ามาเท่าไหร่ และจะฉีดที่ไหน อย่างไรก่อน หากทำได้ตามแผนที่วางไว้จะทำให้ประชาชนกล้าออกมาใช้ชีวิตตามปกติ  ธุรกิจต่าง ๆ ก็จะกระเตื้องฟื้นตัวดีขึ้น จากแผนปูพรมฉีดวัคซีนทั่วประเทศตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าไทยจะสามารถฉีดวัคซีนได้ครอบคลุม 70% ของจำนวนประชากรได้ภายในสิ้นปีนี้ หรืออาจเร็วกว่ากำหนดเพราะเวลานี้ทุกฝ่ายตื่นตัวในการฉีดวัคซีน แต่ในทางกลับกัน หากใน 3 เดือนนี้ถ้าเอาไม่อยู่ และยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ และยังลุกลาม เศรษฐกิจจะมีปัญหาแน่นอน  

“เงินกู้อีก 7 แสนล้านบาท ยังอยู่ในกรอบวินัยทางการคลัง เพราะทำให้หนี้สาธารณะของไทยยังไม่เกินกรอบเพดาน 60% ของจีดีพี (กู้อีก 7 แสนล้านหนี้สาธารณะไทยยังอยู่ที่ 58% ของจีดีพี) เทียบกับประเทศอื่นที่เกินไปเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ แสดงให้เห็นว่าฐานะทางการคลังของไทยยังแข็งแกร่ง และยังกู้ได้อีกหากยังมีปัญหา”

 

กังวลสภาพคล่อง SMEs

เมื่อถามว่าอะไรคือข้อกังวลใจของภาคเอกชนในเวลานี้ นายสนั่นระบุว่า ที่กังวลใจมากที่สุดคือเรื่องการระบาดของโรคโควิดที่ทุกคนต้องมีมาตรการป้องกันตัวเอง และรักษาความปลอดภัยของตัวเองให้มากที่สุด และต้องให้ความร่วมมือกับภาครัฐ เพราะเวลานี้โควิดมีหลายสายพันธุ์ และเข้ามาใกล้ตัวของแต่ละคนทุกที ดังนั้นหากสามารถได้ฉีดวัคซีนก็ควรฉีดเลย ไม่ต้องไปรอเลือกยี่ห้อวัคซีน เพราะแพทย์ได้ออกมาย้ำว่า “วัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่ฉีดได้เร็วที่สุด”

แผนใช้เงินพรก.เงินกู้

ขณะเดียวห่วงเรื่องสภาพคล่องของเอสเอ็มอี เฉพาะอย่างยิ่งภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม  ค้าปลีก ร้านอาหาร และอื่น ๆ ที่เวลานี้ต่างชาติยังเข้ามาไทยได้ไม่สะดวก ทำให้ขาดรายได้และสภาพคล่องที่ต้องประคองธุรกิจให้อยู่รอด

ล่าสุดทางหอการค้าไทยอยู่ระหว่างการขยายผลโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ (Asset Warehousing) ที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ในวงเงิน 1 แสนล้านบาท

“โครงการนี้ทางหอการ ค้าไทยต้องลงไปช่วยประสานระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้เพื่อให้ใช้ประโยชน์จากโครงการนี้ได้เต็มวงเงิน 1 แสนล้าน เพราะหากแบงก์ติดเงื่อนไขต่าง ๆ วงเงินที่ได้มาอาจใช้ได้จริงไม่เต็มวงเงิน”

หน้า 9 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,682 วันที่ 27 - 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2564