8เดือนส่งออกอัญมณีฯพุ่ง32.77% อานิสงส์ราคาตลาดโลกสูง
ส่งออกอัญมณีฯ 8 เดือน พุ่ง 32.77% ขึ้นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ติดต่อกัน 5 เดือน ได้อานิสงส์ส่งออกทองคำเก็งกำไร หลังราคาตลาดโลกพุ่งสูงสุด 8 ปี แต่หากหักทองคำยังติดลบ 43.99%
นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือจีไอที เปิดเผยว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในช่วง 8 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-ส.ค.) มีมูลค่า 15,206.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 32.77% ทำให้อัญมณีและเครื่องประดับขึ้นแท่นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และคิดเป็นสัดส่วน 9.91% ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย แต่หากหักทองคำ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความผันผวนออก การส่งออกมีมูลค่า 2,935 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 43.99% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับรวมทองคำเพิ่มขึ้น มาจากการส่งออกทองคำเป็นมูลค่าสูงถึง 12,271.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 97.52% คิดเป็นสัดส่วน 80% ของการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากการการส่งออกทองคำไปเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคา ในจังหวะที่ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะทำสถิติสูงสุดในรอบ 8 ปีแล้ว ยังมีการทำสถิตินิวไฮต่อเนื่อง โดยวันที่ 6 สิงหาคม 2563 ราคาอยู่ที่ 2,067.15 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ เพราะคนได้หันมาซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนสูง
สำหรับทองคำที่ไทยส่งออก ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของทองคำแท่งที่ส่งออกไปยังประเทศศูนย์กลางการค้าทองคำ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ ฮ่องกง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 88% มีจุดประสงค์เพื่อนำไปสกัดเป็นทองคำบริสุทธิ์ 99.99% สำหรับใช้เพื่อการลงทุนและการผลิตเป็นเครื่องประดับ
ส่วนการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่หักทองคำออก ลดลง 43.99% เพราะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้การเดินทาง การท่องเที่ยวหยุดชะงัก บางประเทศกลับมาล็อกดาวน์ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่เศรษฐกิจของคู่ค้าที่สำคัญของไทย ก็ได้รับผลกระทบ มีการชะลอตัว ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็นลง
ทั้งนี้ หากดูเป็นรายสินค้า ปรับตัวลงทุกรายการ โดยเครื่องประดับเงิน ลด 8.11% เครื่องประดับทอง ลด 49.16% เพชรเจียระไน ลด 43% พลอยเนื้อแข็งเจียระไน ลด 61.15% และพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน ลด 52.99%
ขณะที่ตลาดส่งออก ปรับตัวลดลงเกือบทุกตลาด โดยสหภาพยุโรป (อียู) ลด 28.26% สหรัฐฯ ลด 25.80% ฮ่องกง ลด 59.29% ตะวันออกกลาง ลด 43.43% อินเดีย ลด 55.23% อาเซียน ลด 63.20% ญี่ปุ่น ลด 21.51% ประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ลด 27.89% จีน ลด 5.73% รัสเซียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช เพิ่ม 5.29%
ทั้งนี้ปัจจุบันเศรษฐกิจของหลายประเทศเริ่มฟื้นตัวจากการบริโภคภายใน หลายประเทศมีแนวโน้มใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และการใช้นโยบาย Travel Bubble มาเป็นส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทำให้มีการเดินทางเพิ่มขึ้น ทำให้เศรษฐกิจของหลายประเทศมีแนวโน้มที่จะทยอยฟื้นตัว ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงของการระบาดของโควิด-19 ที่อาจทำให้บางประเทศมีการล็อกดาวน์อีก
อย่างไรก็ดีผู้ประกอบการจะหวังพึ่งพาตลาดส่งออกเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องหันมาเน้นการพึ่งพาตลาดภายในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงให้มากขึ้น และต้องประยุกต์ใช้สื่อออนไลน์ต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับผู้บริโภคที่เป็นเป้าหมาย ตลอดจนการใช้โปรโมชั่นต่างๆ เข้ามาช่วยเพิ่มยอดขายสินค้า เพื่อให้ธุรกิจมีกระแสเงินสดเข้ามาอย่างต่อเนื่องในการขับเคลื่อนธุรกิจ