เพจ FTA Watch โพสต์ข้อความระบุว่า การที่เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2563 สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาญัตติจาก 9 พรรคการเมืองที่เสนอให้แต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อจัดทำความเห็นข้อดีข้อเสียของการเข้าร่วม "ความตกลงครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก(CPTPP) หรือ กมธ.CPTPP จนกระทั่งนำไปสู่การตั้งคณะกรรมาธิการฯ CPTPP ที่จะเริ่มทำงานตั้งแต่วันนี้
หากมองในมุมหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาร่วมกับท่าทีสนับสนุนอย่างแข็งขันของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) นี่ก็อาจเป็นเกมการเมืองสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐบาลในการไปยื่นหนังสือขอเข้าร่วมเป็นสมาชิก CPTPP ให้ทันในเดือนสิงหาคมนี้ เพราะคณะกรรมาธิการฯถูกบีบให้มีระยะเวลาทำงานเพียงแค่ 30 วัน
อย่างไรก็ตาม CPTPP หากพิจารณาด้านพัฒนาการการตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติและการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการจัดทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศที่มีผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจและสังคมอย่างกว้างขวาง สิ่งที่เกิดขึ้นในสภาฯเมื่อวานนี้ และ การเคลื่อนไหวของพลเมืองเน็ตตลอดเดือนเศษที่ผ่านมา นี่ควรจะเป็นกระบวนการปกติก่อนไปเจรจาหนังสือสัญญาระหว่างประเทศที่ควรจะเป็น
แม้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 จะตัดกลไกการมีส่วนร่วมของประชาชน และยังตัดกระบวนการตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเฉพาะการไปเจรจาไปแทบสิ้นเชิง แต่เมื่อวานนี้ อย่างน้อยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งได้แสดงให้เห็นอย่างแข็งขันว่า กระบวนการนี้มีความจำเป็นและสำคัญจริงๆ
เช่นเดียวกับที่คนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาติดตาม ตั้งคำถาม เผยแพร่ข้อมูล ส่งเสียงแสดงความคิดเห็น เรียกร้องการมีส่วนร่วมของพวกเขาต่อนโยบายสาธารณะที่จะผูกพันและมีผลกับคนรุ่นเขา มากเสียยิ่งกว่าคนรุ่นพ่อรุ่นแม่หรืออาวุโสยิ่งกว่านั้น ที่กำลังตัดสินใจแทนพวกเขาอยู่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
อัพเดท "CPTPP" ติดตามความคืบหน้าทุกมิติ ได้ที่นี่
เปิดโฉม กมธ. CPTPP "วีระกร คำประกอบ" ผงาด นั่งประธาน
“กกร.” หนุน “รัฐบาล” เข้าร่วมเจรจา “CPTPP”
และนี่ยังเป็นการเรียนรู้ตามระบอบประชาธิปไตย ที่บรรดาคนรวย 1%ของบ้านนี้เมืองนี้ต้องเปลี่ยนคติของพวกเขาด้วยเช่นกันว่า ประเทศนี้ไม่ควรถูกปกครองโดยระบบการใช้อำนาจเส้นสายล็อบบี้เพื่อให้ได้สิ่งที่กลุ่มของพวกเขาต้องการเหมือนที่ผ่านมา
“การตั้งกรรมาธิการวิสามัญฯ คือจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ทั้งในสภาฯและนอกสภาฯ การทำงานของคณะกรรมาธิการฯ จะทวีความเข้มข้น ข้อมูล งานวิจัย หลักฐานเชิงประจักษ์ต้องถูกนำมาพิจารณากันอย่างจริงจัง แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากประชาชนไม่จับตาอย่างเข้มข้น หาไม่แล้วการใช้เสียงข้างมากลากไปก็อาจจะเกิดขึ้นได้ และเมื่อนั้นกระบวนการทางสภาฯก็จะเป็นแค่เพียงตรายางอย่างสมบูรณ์แบบ”
ทั้งนี้การตรวจสอบจากกระแสภายนอกอย่างเข้มแข็งเท่านั้น ที่จะทำให้การทำงานของคณะกรรมาธิการฯเป็นไป เพื่อประโยชน์ของสังคมไทยอย่างแท้จริง เพราะ "สภาผู้แทนราษฎร" เป็นตัวแทนของประชาชน 67 ล้านคน ไม่ใช่ตัวแทนของคน 1% บอกเหตุผลและเรียกร้องให้พวกเขาแสดงจุดยืน #NoCPTPP