พ.ค.คาดราคาสินค้าเกษตรพุ่ง

29 เม.ย. 2563 | 03:20 น.

ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดราคาสินค้าเกษตรเดือนพฤษภาคมปรับขึ้น

​นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่าศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนพฤษภาคม 2563 พบว่ามีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ 

พ.ค.คาดราคาสินค้าเกษตรพุ่ง

ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ 9,525-10,412 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.10-10.52 %ซึ่งเป็นผลมาจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก อาทิ ประเทศอินเดียและเวียดนามมีมาตรการล็อคดาวน์และชะลอการส่งออกข้าว 


ประกอบกับประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวอันดับ 1 ของโลกอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อนำเข้าข้าว จึงเป็นโอกาสของประเทศไทยในการส่งออกข้าว 


ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิราคาอยู่ที่ 14,496-14,579 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.88-1.46 % เนื่องจากมีคำสั่งซื้อข้าวจากประเทศฮ่องกง เป็นผลจากความกังวลจากนโยบายปิดประเทศของเวียดนาม ส่งผลให้ประชาชนชาวฮ่องกงมีการกักตุนข้าวหอมมะลิเพิ่มขึ้น  

 

ด้านข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 15,774 -15,912 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.85-2.73 % เนื่องจากปัญหาภัยแล้งทำให้ผลผลิตข้าวเหนียวนาปรังออกสู่ตลาดลดลง และประเทศเวียดนามจำกัดโควตาในการส่งออกข้าวเหนียวเพื่อสำรองไว้ใช้ในประเทศ  
 

ขณะที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาอยู่ที่ 7.54-7.60 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.30 -1.00 % เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว ทำให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย และ ความต้องการใช้ในการผลิตอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น จากปัญหาด้านการขนส่งจากมาตรการล็อคดาวน์ ทำให้ผู้ประกอบการมีอุปสรรคในการนำเข้าวัตถุดิบอื่นมาผลิตอาหารสัตว์

 

น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์กราคาอยู่ที่ 10.24-10.73 เซนต์/ปอนด์ (7.35-7.70 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 5.00 - 10.00 % เนื่องจากความกังวลต่อปริมาณผลผลิตอ้อยทั่วโลกที่ลดลง จากสภาพอากาศที่แห้งแล้งในประเทศผู้ผลิตสำคัญ จึงมีการคาดการณ์ว่าผลผลิตน้ำตาลจะลดลง ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อเพิ่มขึ้น  

 

มันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 1.75 – 1.80 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.57 – 3.45 % เนื่องจากประเทศคู่ค้าของไทยเริ่มมีการเปิดเมืองและผ่อนปรนด้านการขนส่งระหว่างประเทศ จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีแนวโน้มคลี่คลาย ส่งผลให้การส่งออกมันสำปะหลังมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้น  

 

ปาล์มน้ำมัน ราคาอยู่ที่ 3.09 – 3.14 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน  0.32 – 2.27 % เนื่องจากคาดว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ ทำให้กิจการบางส่วนสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้ จึงเป็นโอกาสให้ความต้องการใช้น้ำมันไบโอดีเซลและน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น 


สุกร ราคาอยู่ที่ 68.89 - 69.09 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 2.79 - 3.09  %เนื่องจากสภาพอากาศของไทยอยู่ในช่วงฤดูร้อน ส่งผลให้สุกรเติบโตช้า ทำให้ผลผลิตสุกรออกสู่ตลาดน้อยลง ขณะที่ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรเพิ่มขึ้นจากแผนการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ ซึ่งคาดว่าธุรกิจบางประเภทจะกลับมาเปิดให้บริการหลังสิ้นสุดมาตรการดังกล่าว  


กุ้งขาวแวนนาไม ขนาด 70 ตัว/กก. ราคาอยู่ที่ 127.00 – 129.00 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน1.60 – 3.20% เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งและการเฝ้าระวังโรคระบาด ทำให้เกษตรกรปรับลดพื้นที่และชะลอการลงลูกกุ้ง รวมถึงชะลอการจับกุ้งออกจำหน่าย ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง    
 

อย่างไรก็ตามมีสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับลดลง ได้แก่ ยางพาราแผ่นดิบ ซึ่งคาดว่าราคาจะอยู่ที่ 31.50 – 32.95 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อน 0.60 - 4.98 % เนื่องจากในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมจะมีการเปิดหน้ากรีดยางพาราทั่วประเทศ ทำให้มีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น 


ขณะที่ความต้องการใช้ยางพาราธรรมชาติลดลงจากราคาน้ำมันดิบที่ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ อีกทั้งประเทศจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้ายางพารารายใหญ่ยังใช้มาตรการล็อคดาวน์ จึงทำให้ผู้ประกอบการชะลอรับซื้อน้ำยางสดในประเทศ