“แปซิฟิกา” รุกขยายสาขา เจาะตลาดทุกระดับดันยอดขายเพิ่ม 40%

20 มิ.ย. 2559 | 06:33 น.
“กลุ่มบริษัท แปซิฟิกา” ฉลองก้าวเข้าสู่ปีที่ 14 แถลงทุ่มเงินกว่า 200 ล้านบาท  เพื่อขยายสาขา, ทำการตลาด, มาร์เก็ตติ้ง ออนไลน์ และพัฒนาระบบบริการลูกค้าสัมพั นธ์ (Customer Relationship Management) เพื่อเจาะกลุ่มตลาดแฟชั่นลักซ์ ชัวรี โดยตั้งเป้ายอดขายเพิ่ม 40% และคาดหวังรายได้โดยรวมทั้ง 14 แบรนด์ ที่ 1,400ล้านบาท ภายในปี 2559 นี้

นายโอภาส เลวิจันทร์ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท แปซิฟิกา ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้ าแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ แบรนด์ดังระดับโลก อาทิ โค้ช, แม็กซ์ มาร่า,แคมเปอร์, เคดส์, อเมริกัน อีเกิ้ล เอ้าท์ฟิตเตอร์ ฯลฯ กล่าวในงานแถลงข่าวก้าวเข้าสู่ ปีที่ 14 ว่า ผลการประกอบการในรอบปี 2558  มียอดขายประมาณ 1,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโต 39% โดยขณะนี้ทางบริษัทได้มีการปรั บโครงสร้างการบริหารใหม่ทั้งหมด โดยรวบรวมบริษัทย่อยทั้งสี่บริ ษัท ประกอบด้วย บริษัท แปซิฟิกา เอเลเมนท์ จำกัด, บริษัท จีโอ รีเทล จำกัด, บริษัท แปซิฟิกา ไลฟ์สไตล์ จำกัด และ บริษัท แปซิฟิกา แม็กซ์จำกัด เข้ารวมกันอยู่ภายใต้นามกลุ่ มบริษัท แปซิฟิกา เพื่อเตรียมรับมือกั บสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนในปัจจุ บัน ประกอบกับการเติบโตของธุรกิ จแฟชั่นไลฟ์สไตล์ที่มีการแข่งขั นอย่างดุเดือด ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น รวมถึงตลาดลักซ์ชัวรี แบรนด์ เริ่มอิ่มตัว ในขณะที่ตลาดแมส แบรนด์ กลับมีแนวโน้ม        การเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสแรกมียอดขายโตขึ้นถึง 2.4 เท่า หรือคิดเป็น 138% จากปีก่อน

“สำหรับการบุกตลาดแมส แบรนด์ ทางบริษั ทวางแผนจะขยายสาขาแบรนด์สินค้า อเมริกัน  อีเกิ้ล เอ้าท์ฟิตเตอร์ จากเดิม 5 สาขา เพิ่มเป็น 15-20 สาขา ภายในระยะเวลา 3 ปี โดยล่าสุดเปิดสาขาใหม่ที่แฟชั่น ไอส์แลนด์ และกำลังจะเปิดอีกสาขาที่เทอร์ มินอล 21 ในช่วงปลายปีนี้ โดยทางบริษัทคาดว่ าจะขยายสาขาไปตามเมืองท่องเที่ ยวหลัก อาทิ จังหวัดภูเก็ต เป็นต้น ในส่วนของแบรนด์ เครื่องสำอางนิกซ์นับเป็นอีกหนึ ่งแบรนด์ในบริษัทที่มีอั ตราการเติบโตของยอดขายสูงเป็นอั บดับต้นๆ โดยเติบโตขึ้นเป็น 2 เท่าของทุกปี ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 16 สาขา และตั้งเป้าที่จะขยายเพิ่มอีก 12 สาขา ภายในปลายปีหน้า  โดยคาดการณ์ว่าในปีนี้กลุ่มแมส แบรนด์ของบริษั ทจะสามารถทำยอดขายได้ 480 ล้านบาท ส่วนตลาดลักซ์ชัวรี และพรีเมียม แบรนด์ นับว่ายังไปได้ดี เนื่องจากมีการสนับสนุนด้านกำลั งซื้อจากกลุ่มนักท่องเที่ ยวชาวจีน ซึ่งปัจจุบัน เฉลี่ยได้เป็น 40 % ของลูกค้าทั้งหมด โดยทางบริษัทตั้งเป้ายอดขาย ลักซ์ชัวรี แบรนด์และพรีเมียม แบรนด์ อยู่ที่ 75 % ของยอดขายบริษัททั้งหมด”

โอภาส เลวิจันทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของ ไอคอน (IKON) ร้านมัลติแบรนด์ที่รวบรวมสินค้ าแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ ของ กลุ่มบริษัท แปซิฟิกา อาทิ แคมเปอร์, เคดส์, สเปอร์รี่ ฯลฯ ซึ่งหลังจากเปิดมาได้ 2 ปี ก็มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่ อง โดยไตรมาสที่ผ่านมา ร้านไอคอน สามารถทำรายได้สูงถึง    10 ล้านบาท เนื่องจากร้านดังกล่ าวสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ บริโภคในการเลือกซื้อสินค้าแฟชั ่นหลายๆ แบรนด์ได้ภายในร้านเดียว ซึ่งปัจจุบันนี้มีทั้งหมด 5 สาขา และกำลังจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มที่ ศูนย์การค้า ZPELL ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต โดยแต่ละสาขาจะมีการจัดจำหน่ ายสินค้าที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้ าในพื้นที่นั้นๆ อย่างไรก็ตามการจะขยายสาขาได้นั ้นต้องคำนึงถึงสถานที่และขนาดพื ้นที่ ซึ่งแต่ละสาขาจะใช้พื้นที่ ประมาณ 70-160 ตารางเมตร และคาดการณ์ว่ าจะขยายสาขาไปตามเมืองท่องเที่ ยวหลัก อาทิ เมืองพัทยา เป็นต้น

สำหรับกลยุทธ์โดยรวม โอภาส เลวิจันทร์ กล่าวว่า บริษัทได้วางแผนในการพัฒนาบุ คลากรและการจัดการระบบภายในองค์ กร เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของธุ รกิจทั้ง 14 แบรนด์ให้แข็งแกร่ง ประกอบกับความต้องการของลูกค้ าที่สูงขึ้น บริษัทจึงต้องพัฒนาระบบบริการลู กค้าสัมพันธ์(Customer Relationship Management) เพื่อรองรับทั้งกลุ่มลูกค้ าคนไทยและนักท่องเที่ยวต่ างประเทศ นอกจากนี้ยังวางแผนเตรียมทุ่ มเงิน 60 ล้านบาท ในส่วนของการตลาดและการประชาสั มพันธ์ โดยพุ่งเป้าที่สื่อออนไลน์ เพื่อเพิ่มช่องทางในการสื่อสาร นอกจากนี้จะขยายช่องทางการขายผ่ านทางออนไลน์ โดยเริ่มจาก แบรนด์เครื่อง สำอางนิกซ์ ภายในปีนี้