เช็กราคาสินค้าเกษตรเดือนเมษายน 64 ตัวไหนรุ่ง - ตัวไหนร่วง

05 เม.ย. 2564 | 08:57 น.

ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส.ประเมินราคาสินค้าเกษตรเดือนเมษายน 64 ชี้ฤดูร้อนและสงกรานต์ส่งผลให้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพาราแผ่นดิบ สุกร แกุ้งขาวแวนนาไม ราคาสูงขึ้น

ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนเมษายน 2564   โดยประเมินว่า สินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพาราแผ่นดิบ สุกร และกุ้งขาวแวนนาไม   ด้านข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว น้ำตาลทรายดิบ  ปาล์มน้ำมัน และมันสำปะหลัง มีแนวโน้มราคาปรับลดลง


สำหรับสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่

  • ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคา   อยู่ที่ 8.22 - 8.32 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 2.30 - 3.50 เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ แม้ว่าผู้ประกอบการจะมีการสต็อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บางส่วนแต่ยังไม่เพียงพอ ประกอบกับภาวะราคาข้าวสาลีปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการลดการนำเข้าข้าวสาลีมาใช้เป็นวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์  

 

  • ยางพาราแผ่นดิบ ชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 58.75 – 59.50 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.21 – 2.50 เนื่องจากผลผลิตมีแนวโน้มลดลงจากการระบาดของโรคใบร่วงและยางพาราเข้าสู่ช่วงผลัดใบ ส่งผลให้เกษตรกรหยุดกรีดยางพารา ขณะที่ความต้องการน้ำยางพาราของตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  อย่างไรก็ตาม ราคายางพาราอาจได้รับปัจจัยกดดันจากราคาตลาดล่วงหน้ามีความผันผวนและการขาดแคลนตู้ขนส่งสินค้า 

 

 

  • สุกร ราคาอยู่ที่ 76.72 - 77.68 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.09 – 2.35 เนื่องจากความต้องการบริโภคเนื้อสุกรเพิ่มขึ้นจากกิจกรรมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์และเทศกาลเช็งเม้ง ประกอบกับในช่วงฤดูร้อนส่งผลให้สุกรเจริญเติบโตช้าลง จึงต้องใช้ระยะเวลาในการเลี้ยงนานขึ้นกว่าจะได้น้ำหนักตามที่ตลาดต้องการ มีผลทำให้สุกรออกสู่ตลาดลดลง 

 

  • กุ้งขาวแวนนาไม ราคาอยู่ที่ 148.00 – 149.00 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.68 – 1.36 เนื่องจากแนวโน้มผลผลิตลดลงจากการระบาดของโรคกุ้งและเกษตรกรชะลอการเลี้ยงลูกกุ้งในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19   ขณะที่ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวและมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลจะกระตุ้นให้ความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น
     

ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่

  • ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่8,945 - 9,109 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.34 - 3.12 เนื่องจากประเทศผู้นำเข้าชะลอการสั่งซื้อข้าว เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาข้าวขาวและข้าวนึ่งของไทยที่อาจจะปรับตัวลดลง จากผลผลิตข้าวนาปรังที่กำลังออกสู่ตลาด 

 

 

  • ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 11,546 - 11,767 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.33 - 2.20 เนื่องจากปัญหาขาดแคลนตู้ขนส่งสินค้า ทำให้การส่งออกข้าวไปยังประเทศคู่ค้าล่าช้า ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 10,034 - 10,467 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.38 - 5.46 เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิตข้าวเหนียวนาปรังกำลังออกสู่ตลาด และผู้ประกอบการมีความกังวลต่อราคา ข้าวเหนียวที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง จึงชะลอการรับซื้อข้าวเหนียวจากโรงสี 

 

  • น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาอยู่ที่ 15.28 - 15.45 เซนต์/ปอนด์ (10.44 - 10.55 บาท/กก.) ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.50 - 1.60 เนื่องจากการอ่อนค่าลงของเงินเรียลบราซิลเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ จึงจูงใจให้ผู้ผลิตน้ำตาลของบราซิลเพิ่มการส่งออก ประกอบกับสมาพันธ์อุตสาหกรรมอ้อยแห่งบราซิล (Unica) ได้รายงานการผลิตน้ำตาลของบราซิลตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 - กุมภาพันธ์ 2564 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 และสัดส่วนอ้อยที่ใช้ผลิตน้ำตาลในปี 2563/64 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 46.19 จากร้อยละ 34.46 ของปีก่อน 

 

  • ปาล์มน้ำมัน ราคาอยู่ที่ 5.30 - 5.37 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.83 – 3.11 เนื่องจากเป็นช่วงที่ปริมาณผลผลิตทยอยออกสู่ตลาด ประกอบกับภาวะน้ำมันปาล์มดิบที่ชะลอตัว ทำให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มปรับลดราคารับซื้อจากเกษตรกร  

 

  • มันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 2.08 – 2.12 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.47 – 1.88 เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูกาลเก็บเกี่ยว ลานมันและโรงงานแป้งมันสำปะหลังทยอยปิดการรับซื้อ