วันนี้ (5 เม.ย.64) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงความเคลื่อนไหวของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ชิงเปิดเกมแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา ว่า มีจุดเน้นสำคัญอยู่ที่แก้บัตรเลือกตั้งจากใบเดียวเป็น 2 ใบ เปลี่ยนแปลงสัดส่วน ส.ส.เขตต่อบัญชีรายชื่อ เป็น 400 :100 กำหนดให้พรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัครอย่างน้อย 100 เขต และต้องมีคะแนนขั้นต่ำไม่ต่ำกว่าร้อยละหนึ่งของคะแนนเสียงทั้งประเทศ จึงจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
“ทั้งหมดเป็นความฝันหวานของ พปชร. ที่จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อความได้เปรียบของพรรคใหญ่ ซึ่งในวันนี้ พปชร.มาถึงจุดนั้นแล้ว และภายใต้การออกแบบใหม่นี้หากดูจากคะแนนเสียงของพรรคที่มีในปัจจุบัน จะเหลือพรรคการเมืองเพียง 11 พรรค ที่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคปัดเศษทั้งหลายจะสูญพันธุ์ หรือ แม้พรรคที่มีชื่อเสียงเดิม เช่น ชาติพัฒนา พลังท้องถิ่นไทย รักษ์ผืนป่าประเทศไทย ก็จะไม่มีโอกาสได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ข้อเสนอทั้งหมด จึงไม่ได้มองประโยชน์ต่อการเมืองไทยที่ยั่งยืน แต่เป็นข้อเสนอชั่วคราวบนพื้นฐานสถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนไปเท่านั้น”
นายสมชัย เห็นว่า ด้วยเสียงของพรรค พปชร. และการสนับสนุนอย่างเป็นเอกภาพของ ส.ว. การรับหลักการในวาระที่หนึ่งนั้น คงไม่ยาก ซึ่งหากรับหลักการแล้วในวาระที่สองขั้นการแปรญัตติ ด้วยสัดส่วน กมธ.ที่ฝ่ายตนเองมีมากกว่า ก็ไม่น่ามีปัญหา
จนเมื่อเข้าสูู่การลงมติในวาระที่สาม ด้วยเงื่อนไขที่เขียนให้ยุ่งยากเองในมาตรา 256 (6) ว่า นอกจากจะต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา และมี ส.ว.ร่วมสนับสนุนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม หรือราว 84 คนแล้ว ยังต้องมีจำนวน ส.ส.จากพรรคฝ่ายค้านและพรรครัฐบาลที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี หรือ ประธาน รองประธานรัฐสภา ร่วมเห็นชอบไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 หรือ คำนวณเป็นตัวเลขประมาณ 50 คน ถึงเวลานั้นอย่าหวังว่าจะได้คะแนนจากพรรคปัดเศษ และพรรคฝ่ายค้าน
“รัฐธรรมนูญฉบับนี้ฤทธิ์เดชมาก รู้ไว้ด้วย ทีใครทีมัน เมื่อไม่แก้ทั้งฉบับก็ตายไปด้วยกัน” นายสมชัย ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :