170 ส.ส.ฝ่ายค้านยื่น 4 ร่างแก้รธน.-ปิดทางนายกฯคนนอก

10 ก.ย. 2563 | 08:24 น.

170 ส.ส.ฝ่ายค้าน ยื่นร่างแก้ไขรธน.รวดเดียว 4 ฉบับ “ปิดสวิตซ์ส.ว.-ตัดอำนาจส.ว.เลือกนายกฯ-ปิดทางนายกฯคนนอก-รื้อระบบเลือกตั้ง"

 

วันนี้(10 ก.ย.63) ที่รัฐสภา หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน จำนวน 6 พรรค นำโดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมกันเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจำนวน 4 ฉบับ ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ประกอบด้วย

 

1.การแก้ไขมาตรา 272 และ 159 ว่าด้วยการให้ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี

 

2.มาตรา 270 และ 271 ว่าด้วยการปฏิรูปประเทศ

 

3.มาตรา 279 ว่าด้วยการรับรองคำสั่งและประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

 

และ 4.การแก้ไขระบบเลือกตั้ง ส.ส.

 

นายชวน กล่าวว่า เมื่อมีการเสนอร่างรัฐธรรมนูญเข้ามาแล้ว จะมีการตรวจสอบความถูกต้องว่ามีส.ส.เข้าชื่อครบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดหรือไม่ หากไม่มีอะไรผิดพลาดจะสามารถบรรจุเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาได้ภายใน 15 วัน ซึ่งสามารถทันกับการประชุมรัฐสภาในวันที่ 23-24 ก.ย.นี้

 

                                  170 ส.ส.ฝ่ายค้านยื่น 4 ร่างแก้รธน.-ปิดทางนายกฯคนนอก

 

 

ด้านนายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ มีส.ส.ร่วมลงชื่อประมาณ 170 คน ซึ่งในส่วนของการแก้ไขกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรี จะกำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น เป็นผู้เลือกนายกฯ จากบัญชีที่พรรคการเมืองเป็นผู้เสนอ หากไม่สามารถเลือกนายกฯ ตามบัญชีที่พรรคการเมืองเสนอได้ จะเปิดโอกาสให้ส.ส.ในสภาฯ เสนอชื่อส.ส.ที่มีคุณสมบัติ และไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามให้สภาฯ เลือกเป็นนายกฯ ต่อไป ซึ่งเท่ากับเป็นการปิดโอกาสนายกฯ คนนอกไปโดยปริยาย

 

ส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในส่วนระบบเลือกตั้ง พรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอให้นำระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540 มาบังคับใช้ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดส.ส.จำนวน 500 คน แบ่งเป็นระบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 คน และบัญชีรายชื่อ 100 คน โดยการเลือกส.ส.ในระบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จะใช้รูปแบบเขตเดียว เบอร์เดียว

 

สำหรับการคำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ จะใช้ระบบการกัน 5% หมายความว่าพรรคการเมืองใดที่จะมีส.ส.บัญชีรายชื่อได้นั้น จะต้องมีจำนวนคะแนนเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่า 5% จากจำนวนคะแนนเลือกตั้งทั้งหมด

 

“คิดว่าการมีระบบการกัน 5% เอาไว้นั้น จะไม่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมืองใหญ่ หรือทำลายพรรคการเมืองเล็ก แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การเมืองมีเสถียรภาพตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2540”

 

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอเหล่านี้ยังไม่เป็นที่ยุติ เพราะอาจมีการอภิปราย และแก้ไขในชั้นของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ของรัฐสภา