แง่มุมหนึ่งที่มักถูกลืมในการวางแผนการสืบทอดกิจการ คือบทบาทของเขย-สะใภ้ ซึ่งแน่นอนว่าการตัดสินใจแต่งงานของลูกชายหรือลูกสาวที่จะเข้ามารับช่วงต่อธุรกิจครอบครัวย่อมจะส่งผลต่อครอบครัว แต่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไรนั้นเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเวลา สำหรับคำถามที่ว่า “ควรทำอย่างไรกับเขย-สะใภ้” ทางเลือกอาจทำได้ 2 วิธี คือ บางครอบครัวยอมรับเขย-สะใภ้เข้ามาเป็นคนของตน โดยได้รับสิทธิพิเศษและโอกาสเช่นเดียวกับสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ ใน
ขณะที่ธุรกิจครอบครัวบางแห่งจะกันญาติที่ไม่ใช่สายเลือดออกจากการมีส่วนร่วมในธุรกิจ ซึ่งทั้งสองทางเลือกต่างก็มีข้อดี และไม่ว่าจะเลือกทางใด สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนเสียก่อนดังแนวทางต่อไปนี้
ชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย ด้านดีของการรับเขย-สะใภ้เข้าสู่ธุรกิจครอบครัวคือพวกเขาสามารถเป็นผู้สนับสนุนที่ดีและเป็นทูตที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทได้ หากลูกจะเข้ามารับช่วงต่อธุรกิจครอบครัว คู่สมรสก็คือคนที่พวกเขาสามารถไว้วางใจและพึ่งพาได้ เขย-สะใภ้เป็นเหมือนกับพนักงานใหม่คนอื่นๆที่จะนำความรู้และแนวคิดใหม่ๆ เข้ามาและยังสามารถให้มุมมองใหม่ๆซึ่งจำเป็นมาก และยังอาจเป็นทรัพย์สินที่มีคุณสมบัติสูงสำหรับธุรกิจ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตัวอย่างเช่น หากเขยหรือสะใภ้สำเร็จการศึกษาในหลักสูตร MBA และมีประสบการณ์ด้านการเงินและการตลาดเป็นอย่างดี ตำแหน่งที่มอบหมายให้พวกเขาทำโดยมุ่งเน้นไปที่จุดแข็งเหล่านี้อาจเป็นทรัพย์สินที่โดดเด่นสำหรับธุรกิจครอบครัว ในทางกลับกันการนำเขย-สะใภ้เข้ามาในธุรกิจครอบครัวก็อาจเป็นอันตรายได้เช่นกัน และธุรกิจครอบครัวจำนวนมากได้กำหนดนโยบาย “ไม่รับเขย-สะใภ้” อย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตามเพื่อให้ธุรกิจครอบครัวประสบความสำเร็จต้องมีการกำหนดค่านิยมร่วม อย่างสม่ำเสมอและยั่งยืน ตลอดจนเป้าหมายทางธุรกิจร่วมกัน
นอกจากนี้ความสำเร็จของธุรกิจครอบครัวนั้นยังต้องอาศัยการสื่อสารที่ดี ทั้งนี้วัฒนธรรมของธุรกิจครอบครัวมักมีเอกลักษณ์ของแต่ละครอบครัว ตั้งแต่วิธีการสื่อสารกันไปจนถึงประเพณีและลำดับชั้นภายในโครงสร้างครอบครัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจทำให้เป็นเรื่องยากมากที่จะนำเขย-สะใภ้เข้ามาแม้จะมีคุณสมบัติเหมาะสมก็ตาม
(อ่านต่อฉบับหน้า)
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,605 วันที่ 30 สิงหาคม - 2 กันยายน พ.ศ. 2563