"ปลดล็อก"เฟส 4 เอกชน จี้แก้‘ศก.’  ก่อน "นิรโทษกรรม" สีเสื้อ

ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 กระทบรุนแรง เศรษฐกิจพังพาบไปทั่วโลก เช่นเดียวกับประเทศไทย นอกเหนือไปจาก การระบาดไวรัสแล้ว ยังเผชิญวิกฤติ รอบด้าน โดยเฉพาะความเห็นต่างทางการเมืองที่ยัง “คุกรุ่น” ตลอดเวลา เห็นได้ชัดกรณีคนรุ่นใหม่ นิสิตนักศึกษาที่รวมตัวกันในขณะนี้

แม้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา จะสะกดสถานการณ์เหล่านี้ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองรุนแรงซ้ำรอยอดีต แต่คดีที่เกิดขึ้นได้ทิ้งร่องรอยให้ แกนนำทุกขั้วทุกสียังเดินวนเวียนขึ้นโรงขึ้นศาลอย่างไม่ขาดสาย กระทั่งรัฐบาล เห็นว่า ควรออกกฎหมายนิรโทษกรรม ยุติคดี ชุมนุมทางการเมือง หยุดความขัดแย้งและหันหน้าปรองดองเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศ หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลายพิษลง เชื่อว่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

ขณะภาคเอกชนหลายค่ายต่าง เห็นด้วยกับรัฐบาลกรณีการนิรโทษกรรม ยุติคดีความรุนแรงการชุมนุมประท้วงในอดีต เพื่อจบทุกปัญหา หันหน้าปรองดอง แต่หากเทียบกับโควิด ในขณะนี้แล้วมองว่า รัฐบาลน่าจะมุ่งเน้น กู้ระบบเศรษฐกิจที่ถดถอยให้เดินต่อได้ ก่อนจะเหมาะสมกว่า หรืออาจ แก้ปัญหาควบคู่กันไปเพื่อดับกระแสร้อนทางการเมืองสร้างความเชื่อมั่น ต่อสายตาชาวโลก

นายวิวัฒน์ เลาหพูนรังษี ประธานกรรมการอาวุโส บริษัท อารียา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวยอมรับว่า ภาวะเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยสำคัญ ในการดำเนินธุรกิจแทบจะทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับการค้าขาย ซึ่งรวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม เห็นว่าปัจจัยด้านการเมืองภายในประเทศคงไม่มีผลและมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจในแง่ใดๆทั้งสิ้น โดยมองว่า การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจขึ้นหรือลง ขึ้นอยู่กับนโยบายของคณะทำงานที่เกี่ยวข้องมากกว่า

สอดคล้องกับนายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์นั้น ยอดขายจะดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อระบบเศรษฐกิจเป็นหลักมากกว่าเรื่องอื่นๆ ซึ่งพบดัชนีดังกล่าวในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้นดิ่งต่ำลงจนน่าเป็นห่วง แต่อย่างไรก็ตามคาดหลังจากรัฐบาลคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 4 แล้ว ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ การค้าขาย ทำมาหากินในทุกอาชีพ กลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง คงทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนฟื้นกลับมา

“ระบบเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญสุด คาดคงชะงักไปอย่างน้อย 2 ปี การกลับมาอยู่ในระดับทรงตัวเท่ากับช่วงก่อนเกิดวิกฤติ อย่างต่่ำคงช่วงปี 2565 เพราะขณะนี้รัฐบาลกระเป๋าฉีก หนี้ภาครัฐก็สูงขึ้น ผ่านการนำเงินมาเยียวยา ขณะประชาชนเองก็ก่อหนี้ครัวเรือนพยุงตัวเอง ส่วนเอกชนนั้นอยู่ลำบากทุกบริษัท ต้องควักเงินออกมาใช้จ่ายมากขึ้น แต่สวนทางรายได้กลับน้อยลง”

ด้านนายอธิป พีชานนท์ ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สะท้อนว่าช่วงเวลานี้ รัฐควรมีหน้าที่ช่วยเหลือ แบ่งเบาภาวะความเดือดร้อนให้กับภาคประชาชน และผู้ประกอบการ ที่กำลังได้รับผลกระทบทางการเงินจากสถานการณ์โควิด-19 มากที่สุดก่อนเรื่องอื่น

หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 40 ฉบับที่ 3,584 วันที่ 18 - 20 มิถุนายน พ.ศ. 2563