18 พฤษภาคม 2563 นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง (ระดับ 10) นพ.ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "แรงงานต่างด้าว หนึ่งในกลุ่มเสี่ยงสำคัญ ในการควบคุมโรคโควิด 19” โดยระบุว่า "สถานการณ์ขณะนี้ ประเทศไทยสามารถควบคุมการระบาดของโรคโควิด 19 ได้เป็นอย่างดี แต่ยังต้อง “วิ่งต่อไป” 5 ยุทธศาสตร์ สู่การปฏิบัติในแต่ละบริบทของพื้นที่ ต้องทำต่อเนื่อง และปรับตามสถานการณ์”
1.ดูแลพี่น้องประชาชน “คุณภาพชีวิต” และขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่
2.มาตรการเชิงรุก บุกค้นหา เช่น กลุ่มแรงงานต่างด้าว ชุมชนแออัด ผู้ป่วยไข้หวัดที่มาโรงพยาบาล
3.สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ปรับทัศนคติ และพฤติกรรม สู้การป้องกันโรคและดูแลสุขภาพ เข้าถึงสร้างพลังความร่วมมือทุกภาคส่วน และร่วมกันพัฒนา แก้ไขปัญหา
4.มาตรการสำคัญ มีประสิทธิภาพ “หมัดน็อก” ไม่ทำสะเปะสะปะ ทำเพื่อโชว์ เช่น มาตรการดีๆ State Quanrantine, ให้ผู้ป่วยทุกรายนอนโรงพยาบาล (Isolation) เพิ่มการตรวจและค้นหา (Testing) ติดตามตีวงล้อมกรอบ “ผู้สัมผัสใกล้ชิด (Contact tracing)” และระบบรักษาพยาบาลที่ดีมากๆ อัตราคายประเทศไทยต่ำมาก ~ 1 % 5.การบังคับใช้กฎหมาย ระเบียบสังคม เพื่อปกป้องคนดี จากคนเห็นแก่ตัว
บทเรียนที่ได้รับ จาก “สิงคโปร์” สิงคโปร์เคยควบคุมได้แล้ว กลับมาระบาดใหญ่ ขึ้นในกลุ่มคนงานต่างชาติ ที่อยู่รวมกันหนาแน่น เมื่อมีการระบาดเกิดขึ้น จึงยากในการที่จะควบคุม ในการกำหนดระยะห่าง ทำให้การระบาดของสิงคโปร์ เพิ่มเป็นหลักหมื่น (ผู้ป่วยเพิ่มเป็นหลายร้อยต่อวัน)
ประเทศไทยมีแรงงานต่างด้าวอยู่เป็นจำนวนหลายล้านคน และหลายแห่งอยู่กันหนาแน่น เป็นกลุ่มก้อนจำนวนมาก ถ้าเกิดการระบาดในแรงงาน ที่อยู่รวมกันจำนวนมาก แม้ว่าอัตราการเสียชีวิตในกลุ่มดังกล่าว มีอายุไม่มาก และมีร่างกายแข็งแรง แสดงอาการน้อย แต่จะทำให้ยากต่อการควบคุมภายในประเทศไทย และแพร่เชื้อต่อภายนอก
มาตรการเชิงรุก “บุกค้นหา” เช่น กลุ่มแรงงานต่างด้าว ชุมชนแออัด ผู้ป่วยไข้หวัดที่มาโรงพยาบาล บุกทั้งให้ความรู้ ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง แนวทางการปฏิบัติในการป้องกัน การดูแลไม่ให้เกิดการระบาดขึ้นเป็นกลุ่มก้อน มีความสำคัญมาก
บทเรียนจากอีกหลายประเทศ จะเป็นเรื่องเตือนใจ น่าศึกษา และนำมาป้องกันครับ ประเทศยักษ์ใหญ่ ยัง “ล้ม” ครับ".