"โควิด"ดันทาวน์เฮาส์แรง ถล่มซํ้าสต๊อกคอนโดฯ

29 เม.ย. 2563 | 00:25 น.

"โควิด-19” ดันตลาดทาวน์เฮาส์ ราคาไม่เกิน 4 ล้านแรง ถล่มซ้ำคอนโดมิเนียม เหตุมีพื้นที่กว้าง มีความเป็นส่วนตัว ตั้งราคาขายไม่ต่างกัน

พิษโควิด-19 ซัดกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์หายไปจากตลาดมากกว่า 50% สะท้อนจากลูกค้าตัดสินใจจะซื้อโครงการก่อนหน้า เมื่อวิกฤติถล่มซ้ำลูกค้าบางรายปฏิเสธที่จะเดินเรื่องต่อ หลายรายยอมทิ้งดาวน์ ไม่มาโอนตามนัด แม้สถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อแล้วก็ตาม ปมเหตุมาจาก 1. ถูกลดเงินเดือน 2. ถูกเลิกจ้าง 3. รับรู้ถึงความไม่มั่นคงในระยะยาว 4. ต้องการลดภาระ โดยเฉพาะรายที่มีบ้านหลังแรกแล้ว มองว่าหลังที่ 2 และหลังที่ 3 โดยไม่จำเป็น

 

คอนโดมิเนียมได้รับผลกระทบมากที่สุด เมื่อถูกเปรียบเทียบในเรื่องของทำเล และราคาที่ไม่ต่างกันมากนัก โดยเฉพาะ เส้นทางรถไฟฟ้า ส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-คูคต) ช่วงต้นๆ มักจะเห็นราคาขายคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 4-5 ล้านบาท เส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน ราคาไม่เกิน 4 ล้านบาทต่อหน่วย ขณะขยับออกไปไม่เกินถนนวงแหวนชั้นในกรุงเทพมหานคร หรือแม้แต่ในซอย ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า ราคา ขายบ้านแนวราบอย่างทาวน์เฮาส์ไม่ต่างกับคอนโดมิเนียมมากนัก จึงเป็นเหตุให้คนหันมาสนใจทาวน์เฮาส์มากขึ้น ส่วนบ้านเดี่ยว สำหรับคนทำงานถือว่ายังมีราคาแพง กลุ่มระดับบนที่สามารถครอบครองได้ อย่างไรก็ตามสัญญาณที่อยู่อาศัยแนวราบ กลับมานิยมในกลุ่มผู้บริโภคอีกครั้งเกิดจากเรื่องระดับราคา ความเป็นส่วนตัว ขนาดพื้นที่ใช้สอยมากกว่าห้องขนาดเล็ก ด้านผู้ประกอบการคอนโดมิเนียมเองก็ต่างปรับแผนหันไปโฟกัสบ้านแนวราบ ประเภททาวน์เฮาส์มากขึ้น อย่าง บริษัทแอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บมจ.พฤกษา บมจ.อนันดา ต่างมุ่งพัฒนาแนวราบมากขึ้น

"โควิด"ดันทาวน์เฮาส์แรง ถล่มซํ้าสต๊อกคอนโดฯ

 

“ฐานเศรษฐกิจ” สำรวจ ปริมาณโครงการเปิดตัวใหม่ จาก นายโสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) สะท้อนตัวเลขเปิดตัวโครงการในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พบการเปิดตัวทาวน์เฮาส์มาเป็นอันดับ 1 จำนวน 3,165 หน่วย (52.7%) รองลงมายังคงเป็นคอนโดมิเนียม 1,229 หน่วย 20.5% อันดับ 3 คือบ้านเดี่ยว 984 หน่วย (16.4%) ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด 6,005 หน่วย 26 โครงการ มูลค่า 23,499 ล้านบาท และประเมินว่าในแต่ละเดือนจะมีทาวน์เฮาส์เปิดตัวออกสู่ตลาด มีสัดส่วนสูงขึ้นเรื่อยๆ จาก ตัวเลขทั้งปีที่ประมาณการว่าจะมีโครงการเปิดตัวใหม่มากถึงกว่า 300 โครง การ และอาจมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 40% หากโควิดจบเร็ว ในช่วงครึ่งปีหลัง

สอดคล้อง ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) กล่าวในบทวิเคราะห์ว่า สถานการณ์โควิด-19 ระบาด ส่งผลให้ทาวน์เฮาส์ระดับราคาไม่เกิน 4 ล้านบาท มาแรง  กลายเป็น กลุ่มที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมสูง นับจากโควิด-19 ระบาด เนื่องจากมีความเป็นส่วนตัว ราคาเมื่อเทียบกับอาคารชุดแล้วไม่ต่างกัน หากต้องการขยับเข้าในเมือง ใกล้แนวเส้นทางรถไฟฟ้าช่วงปลายเส้นทาง

 

นายวรเดช ศิวเตชานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอีอาร์เอ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด แฟรนไชส์อสังหาริมทรัพย์ สะท้อนว่าคอนโดมิเนียมไม่ได้โอเวอร์ซัพพลายอย่างที่หลายคนเข้าใจ เหตุที่ขายไม่ออก หรือขายได้น้อย เป็นเพราะคอนโดมิเนียม ในเมืองมีข้อจำกัด ต้องตั้งราคาขายออกมาสูง จากปัจจัยแวดล้อม ทั้งที่ดินแพง รถไฟฟ้าผ่าน ดังนั้น คอนโดมิเนียมกลุ่มระดับล่าง-กลางแทบจับต้องไม่ได้ เฉลี่ยราคาส่วนใหญ่อยู่ระดับ 3-4 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งไม่ต่างจากทาวน์เฮาส์ หากคนที่สนใจที่อยู่อาศัยราคาระดับนี้ เชื่อว่าอันดับแรกต้องเลือกทาวน์เฮาส์ก่อน แม้การเดินทางจะไกลกว่าก็ตาม

 

“คอนโดฯถูกจำกัด ให้ตั้งราคาสูง ส่งผลให้คนชั้นกลางที่มีฐานกว้าง ไม่สามารถเข้าถึงได้ ขณะทาวน์เฮาส์กลายเป็นจุดเปรียบเทียบ ทั้งพื้นที่ใช้สอย ความไม่แออัดลดความเสี่ยงการอยู่รวมกันบนอาคารที่อาจทำติดโควิดหรือ โรคร้ายในอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้น”

นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ จำกัด วิเคราะห์ว่าตลาดแนวราบ เริ่มได้รับความนิยมมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และเมื่อเกิดสถานการณ์ “โควิด-19” ระบาด ยิ่งตอกย้ำให้ตลาดนี้มีแนวโน้มสดใส โดยเฉพาะทำเลปลายทางเส้นทางรถไฟฟ้า จะเห็นได้จากค่ายใหญ่อย่างแอลพีเอ็น ยังหันมาเน้นแนวราบ

 

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) (AP) กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างไร หลังจากที่การแพร่ระบาดดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยและทั่วโลก จนทำให้หลายสถาบันปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปีนี้ลดลงจากกำลังซื้อที่ชะลอ

 

ขณะที่โครงการคอนโด มิเนียมใหม่ของบริษัทในช่วงไตรมาส 1/63 ยังไม่มีการเปิดขาย แต่ยังมียอดขายที่เข้ามาจากโครงการคอนโดมิเนียมอื่นๆ ที่ได้เปิดไปในปีที่แล้วที่ยังสามารถทำยอดขายได้อยู่ โดยปัจจุบันวางแผนเปิดคอนโดมิเนียมใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 1.21 หมื่น ล้านบาท โดยจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 2/63 จำนวน 2 โครงการ มูลค่า 1.33 หมื่นล้านบาท และในครึ่งปีหลังจะเปิดอีก 2 โครงการ มูลค่ารวมเกือบ 1 หมื่นล้านบาท

หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,569 วันที่ 26-29 เมษายน 2563