'ฟอกเงิน' ไล่ล่า 'ชินวัตร' 'โอ๊ค' ระทึก 'คุก-ปรับ-หลุดคดี'

28 ก.ย. 2562 | 05:49 น.

คอลัมน์ข่าวห้ามเขียน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3509 หน้า 20 ระหว่างวันที่ 29 ก.ย.-2ต.ค.2562 โดย...พรานบุญ

 

'ฟอกเงิน' ไล่ล่า 'ชินวัตร'

'โอ๊ค' ระทึก

'คุก-ปรับ-หลุดคดี!'

 

          บรรยากาศที่เคยคึกคัก ผู้คนขวักไขว่ กลับเงียบสงัด วิเวกวังเวง วิโหวงเหวง ไปทั้ง “บ้านเล็ก-บ้านใหญ่จันทร์ส่องหล้า” ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69

          เมื่อ “โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร” บุตรชายคนโตของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปขึ้นให้ปากคำนัดสุดท้ายในการไต่สวนคดีในฐานะ “จำเลย” ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง (ศาลปราบโกง) ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงินกู้จากธนาคารกรุงไทย วงเงิน 10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 กันยายน2562 สิ้นสุดลง

          คดีนี้ ศาลปราบโกงได้นัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 25 พฤศจิกายน2562 เวลา 10.00 น. โดยให้คู่ความทั้ง 2 ฝ่าย “อัยการสูงสุด-พานทองแท้” ยื่นคำแถลงปิดคดีภายใน 30 วัน นับจากวันนี้ หากไม่ยื่นภายในกำหนดถือว่า ไม่ติดใจ

          อีกา นกกระจิบ นกกระจาบ พิราบน้อย และอีเห็น ที่ไปซุ่มเลียบๆ เคียงๆ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า รอบรั้วบ้านจันทร์ส่องหล้าทั้งในซอย กลางซอย และท้ายซอย นิ่งสนิท หรีดหริ่ง เรไร ที่เคยร้องระงมบ่งบอกถึงบรรยากาศแห่งความสุข สดชื่น รื่นรมย์ ต่างเกาะกิ่งนิ่งเงียบเชียบ!

          พรานฯ ที่ออกส่องสรรพสัตว์ในป่าคอนกรีตได้ยินเสียงกระซิบกระซาบ ออกมาจากปากคนใกล้ชิดของตระกูลชินวัตรว่า “คนในบ้านใหญ่ ต่างเคร่งเครียดในคดีนี้มาก เพราะดูเหมือนชะตากรรมของโอ๊คทายาทหมื่นล้านกำลังยืนบนปลายหุบเหว ผาชัน”

          ซํ้าร้ายกว่านั้น โอ๊ค-พานทองแท้ อาจต้องจำพรากบ้านเกิด เหมือน “คุณพ่อ-ทักษิณ ชินวัตร” “อาปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ตหุรัดตุเหร่อยู่ในแดนไกล...

          พรานฯโยนคำถามไปว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น...พ่อบ้านใจกล้าบอกว่า การสืบพยานนัดสุดท้าย 4 ปากนั้น ดูแล้วไม่ค่อยจะเป็นคุณแก่พ่อพานทองแท้แม้แต่น้อยเลยพ่อพรานฯเอ๋ย...

          แถมพลังบารมีที่เคยมี คนที่เคยเกื้อหนุน ก็เริ่มหดหาย วันนัดไต่สวนพยานปากสุดท้ายคือ พ่อโอ๊คนั้น คนมาร่วมให้กำลังใจนับนิ้วมือได้ไม่ถึง 10 คน และล้วนเป็นคนในครอบครัวชินวัตรแทบทั้งสิ้น ไล่จาก บรรณพจน์ ดามาพงศ์ พิณทองทา-แพรทองธาร และสามี ช่างน่าสงสารยิ่งนัก

          พ่อบ้านใจกล้าปาดนํ้าตาด้วยหลังมือ ส่งเสียงอืออือ อู้อี้ว่า นกกาบินหนี เหมือนรู้ทางลม! บรรยากาศแบบนี้แหละที่ทำให้ผู้คนหวั่นไหว...

          ยิ่งหากไปดูข้อกล่าวหาพ่อโอ๊คแล้วขอบอกว่าหนักหนา เพราะโดนกล่าวหาว่า มีความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาตรา 5, 9, 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 ซึ่งบทลงโทษนั้นหนา คือ จำคุก 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 2 หมื่น- 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

          25 พฤศจิกายน 2562 ไม่ว่าศาลตัดสินออกมาทางหนึ่งทางใด คนในตระกูลชินวัตรล้วนหายใจไม่ทั่วท้อง! นี่เป็นข้อมูลที่พรานฯ ได้รับฉบับบ้านจันทร์ส่องหล้า

          คราวนี้พามาดูข้อมูลที่จะเป็นหมัดน็อกพ่อโอ๊คให้คางเหลือง...พรานฯ ได้ยินมาว่าอยู่ที่คำให้การของ สุนทรา พลไตร ผอ.ส่วนบริหารทรัพย์สิน ปปง. อดีตผอ.ส่วนข้อมูลคดีและมาตรการพิเศษทางกฎหมาย ปปง. ในฐานะผู้กล่าวหาคดีซึ่งเกาะติดแกะเอกสารทั้งจากธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารซีไอเอ็มบี คลี่เช็กแต่ละฉบับ ซึ่งได้เบิกความตอบคำถามศาลว่า จากการตรวจสอบเอกสารจากธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินเห็นว่า มีการร่วมกันฟอกเงินระหว่าง พานท้องแท้ กับ วิชัย กฤษดาธานนท์ เนื่องจากมีการรับโอนและโยกย้ายเงินในหลายบัญชี

          ต่อมาพานทองแท้ มีการนำเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพต่างสาขาระหว่างบางพลัดและซอยอารีย์ ขณะที่ทั้ง 2 คนไม่ได้มีนิติสัมพันธ์ใดๆ กันทางธุรกิจ

          และเมื่อสืบสาวลึกลงไปในเส้นทางการเงินยังพบว่า โอ๊ค-พานทองแท้ ได้โอนเงิน 10 ล้านบาทคืนกลับไปให้นายวิชัยนั้น เกิดขึ้นเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับผู้บริหารธนาคารกรุงไทย และนายวิชัย เมื่อปี 2548 ทั้งๆ ที่มีการตีเช็กสั่งจ่ายวันที่ 17 พฤษภาคม 2547

          ส่วนที่พานทองแท้ระบุว่า ทำธุรกิจรถยนต์กับนายรัชฎานั้น ก็ไม่น่าเชื่อถือ โดยการตรวจสอบเชื่อว่าการรับโอนเงินระหว่างจำเลย และนายวิชัย เป็นการให้ค่าตอบแทนบางประการ หลังจากที่นายวิชัยได้รับเงินปล่อยกู้จากธนาคารกรุงไทย และการตรวจสอบเส้นทางการเงินนั้นก็ได้ดูจากต้นเงินที่เมื่อธนาคารกรุงไทยได้ปล่อยเงินกู้ให้กับ บริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์คฯ แล้ว เงินก้อนนี้ไหลผ่านไปถึงบัญชีนายวิชัย จากนั้นพานทองแท้จึงได้รับเช็คโอนเงินเข้าบัญชี 10 ล้านบาท จากนายวิชัย

          ข้อมูลชุดนี้แหละขอรับที่มัดพานทองแท้จนยากกับการแก้ตัว

          แม้ในชั้นไต่สวนครั้งสุดท้าย พานทองแท้ได้ขึ้นเบิกความด้วยตนเองเพียงปากเดียว เกี่ยวกับการวางแผนที่จะดำเนินธุรกิจนำเข้ารถซูเปอร์คาร์ ที่จะมีนายรัชฎา บุตรชายนายวิชัย จะร่วมลงทุนด้วยว่า แนวคิดดังกล่าวตนเป็นผู้คิดเอง มาตั้งแต่ช่วงปี 2547 จากที่ได้มีการพูดคุยในกลุ่มเพื่อน 5-6 คน โดยหลังจากพูดคุยกันแบบไม่เป็นทางการแล้ว ในวันรุ่งขึ้น นายรัชฎาได้โทรศัพท์มาพูดคุยว่าจะขอร่วมลงทุนด้วย เหตุที่นายรัชฎาเร่งโทร.มาคุยเพราะกังวลว่าจะลืมชักชวนนายรัชฎาในการลงทุนด้วย

          ขณะนั้นคิดไว้เพียงว่า การลงทุนน่าจะต้องใช้เงินลงทุนคนละ 20 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าร่วมลงทุนกี่คน เนื่องจากมูลค่ารถซูเปอร์คาร์นั้นต่อคันจะตกอยู่ที่ 20 ล้านบาทขึ้นไป

          โดยช่วงนั้นที่ยังไม่มีบุคคลอื่นมาร่วมเสนอลงทุนด้วย จำเลยก็ไม่ทราบเหตุผลโดยการจะดำเนินธุรกิจดังกล่าวนั้น ได้ให้นายเฉลิม แผลงศร ซึ่งเป็นกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน (CFO) ที่ดูแลเรื่องการเงินทุกบริษัทของตัวเอง ไปศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจดังกล่าว

          แม้นายเฉลิมจะไม่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับธุรกิจรถซูเปอร์คาร์ แต่ที่จำเลยมอบหมายงานให้ศึกษา เพราะเป็นผู้ที่จำเลยให้ความไว้วางใจในเรื่องที่ได้ดูแลเรื่องการเงินบริษัทและเงินส่วนตัว สุดท้ายธุรกิจนี้ไม่ได้ดำเนินไป ซึ่งยุติลงในชั้นของการศึกษาแนวทาง เพราะนายเฉลิม ได้แจ้งผลการศึกษาการดำเนินธุรกิจนี้ทราบว่ามีความเป็นไปได้ยาก และจะไม่คุ้มเงินลงทุนทางธุรกิจ

          ส่วนที่นายรัชฎาโอนเงิน 10 ล้านบาทที่จะมาร่วมลงทุนให้ โดยเป็นเช็คชื่อนายวิชัยนั้น พานทองแท้บอกว่า ไม่ทราบเหตุผล ...นี่คือจุดสลบในการให้ปากคำนัดสุดท้าย

          แม้ในวันที่ 26 กันยายน2562 พานทองแท้ ชินวัตร จะประกาศแบบเลือดนักสู้ว่า ในวันที่ 25 พฤศจิกายน2562 จะเดินทางมาฟังคำตัดสินด้วยตนเองแน่นอน

          แต่ประสบการณ์ในอดีตของคนในตระกูลชินวัตรนั้น บ่งบอกได้ชัดว่า ไม่มีใครชอบเสี่ยงกับคุก ตะราง สักคน

          ทักษิณ บินหนี-ยิ่งลักษณ์ แอบใช้ช่องทางพิเศษทางธรรมชาติมุดหายออกนอกประเทศ-เยาวภา หาตัวไม่เจอในประเทศไทย แต่ไปโฉบเฉี่ยวไฉไลที่ต่างแดน

          พ่อโอ๊ค-พานทองแท้เล่า จะออกทางไหน!

 

“โอ๊ค” บ่นผ่านโซเชียล เครียด-หนักสุดในชีวิต