‘ถอย’ เพื่อเดินหน้า ‘แคร์รี แลม’ เสนอ 4 ขั้นผ่าทางตันฮ่องกง

04 ก.ย. 2562 | 16:00 น.

ในที่สุด นางแคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดของเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ก็ได้ประกาศถอนร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศจีนอย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ (4 ก.ย.) เวลาประมาณ 18.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น นับเป็นการตอบสนองข้อเรียกร้องหลักอันดับ 1 ของกลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งมีทั้งหมด 5 ข้อด้วยกัน แต่ยังยืนยันว่า จะไม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ใช้กำลังรุนแรง โดยย้ำจะต้องดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาด
 

แคร์รี แลม

ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงได้เคยระงับการดำเนินการเกี่ยวกับร่างกฎหมายนี้ในขั้นตอนของสภานิติบัญญัติแล้วเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่มีการชุมนุมคัดค้านอย่างหนักหน่วง แต่กลุ่มผู้ประท้วงก็ยังคงต้องการให้มีการถอนร่างกฎหมายดังกล่าวอย่าง ‘เต็มรูปแบบ’ เพื่อให้มั่นใจว่ารัฐบาลจะไม่หยิบยกเรื่องนี้มานำเสนอเพื่อพิจารณาอีกในอนาคต


 

‘ถอย’ เพื่อเดินหน้า ‘แคร์รี แลม’ เสนอ 4 ขั้นผ่าทางตันฮ่องกง

การที่ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่เป็นที่ต้องการของชาวฮ่องกงจำนวนมาก เนื่องจากพวกเขามองว่า ร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนนี้ จะเปิดทางให้มีการส่งตัวผู้ต้องหาไปยังจีนและเขตปกครองอื่นๆที่ฮ่องกงยังไม่ได้มีข้อตกลงในการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน และเมื่อเป็นเช่นนั้น ผู้ที่ถูกจีนมองว่าเป็นศัตรูทางการเมืองก็อาจจะถูกร้องขอมายังรัฐบาลฮ่องกง และถูกส่งตัวไปดำเนินคดีในจีนแผ่นดินใหญ่ได้โดยไม่ได้รับความยุติธรรม

 

เซาธ์ไชน่า มอนิ่ง โพสต์ สื่อใหญ่ของฮ่องกงรายงานว่า ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงยังเตรียมจะตั้งชุดสืบสวนสาเหตุที่นำไปสู่ความไม่สงบและหาทางออกของปัญหาเพื่อเดินหน้าฮ่องกงต่อไป แทนที่การตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อสอบสวนเหตุการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อผู้ชุมนุม ตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม นอกจากนี้ยังยืนยันจะไม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ใช้กำลังรุนแรง โดยย้ำว่าจะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด

 

ส่วนหนึ่งของถ้อยแถลงที่มีต่อ "เพื่อนประชาชน" ชาวฮ่องกงนั้น นางแคร์รี แลม ระบุว่า การใช้ความรุนแรงไม่ใช่ทางออกของปัญหา มีแต่การหันหน้ามาพูดคุย ปรึกษาหารือกันด้วยความเข้าใจเท่านั้น ที่จะนำพาฮ่องกงสู่ทางออกของปัญหาที่มีอยู่ “การตอบสนองของรัฐบาลต่อ 5 ข้อเรียกร้องนั้นได้รับการพิจารณาอย่างเต็มที่จากข้อจำกัด และสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ดิฉันรับรู้ว่าสิ่งเหล่านี้อาจไม่สามารถตอบสนองความคับข้องใจของผู้คนในสังคมได้ อย่างไรก็ตาม เราทุกคนควรคิดอย่างลึกซึ้งว่าการเพิ่มความรุนแรงเป็นคำตอบหรือไม่ ไม่เป็นการดีกว่าหรือที่จะนั่งลงเพื่อหาทางออกผ่านการพูดคุยสนทนากัน”

 


 

‘ถอย’ เพื่อเดินหน้า ‘แคร์รี แลม’ เสนอ 4 ขั้นผ่าทางตันฮ่องกง

อีกส่วนที่สำคัญของถ้อยแถลง คือนางแคร์รี แลม ได้เสนอว่าเพื่อเป็นการปูทางไปสู่การเปิดโต๊ะการหารือเพื่อร่วมกันแก้ไขคลี่คลายปัญหาของฮ่องกง รัฐบาลมีสิ่งที่จะทำ 4 ประการ ซึ่งได้แก่   

 

ประการแรก รัฐบาลจะถอนร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนอย่างเป็นทางการเพื่อบรรเทาความกังวลของประชาชนอย่างเต็มที่ โดยข้อนี้เริ่มทำแล้วในวันนี้ (4 ก.ย.)

 

 

ประการที่สอง จะสนับสนุนการทำงานของสภาการร้องเรียนของตำรวจอิสระ (IPCC) อย่างเต็มที่ และนอกเหนือจากผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศ ได้มีการแต่งตั้งสมาชิกใหม่สองคนให้กับ IPCC รัฐบาลให้สัญญาว่าจะติดตามข้อเสนอแนะในรายงานของ IPCCอย่างจริงจัง

 

ประการที่สาม จะเริ่มการติดต่อกับชุมชนเพื่อเริ่มการเจรจาหารือโดยตรง โดยจะเชิญผู้คนจากทุกเพศทุกวัย และภูมิหลังที่แตกต่างกัน ให้มาแบ่งปันมุมมองและถ่ายทอดความคับข้องใจของพวกเขา เพื่อรัฐบาลจะได้กลับไปหาวิธีแก้ไข คลี่คลายความไม่พอใจของสังคม

 

และ ประการที่สี่ จะเชิญผู้นำชุมชน ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการ ให้มาร่วมกันตรวจสอบและทบทวนปัญหาที่ฝังลึกในสังคมอย่างอิสระ และเพื่อให้คำแนะนำแก่รัฐบาลเกี่ยวกับการหาแนวทางแก้ไข เหตุการณ์ความไม่สงบทางสังคมของฮ่องกงที่กินเวลามานานกว่าสองเดือน ทำให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ปัญหานั้นครอบคลุมประเด็นทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม รวมถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัยและการจัดหาที่ดินทำกิน การกระจายรายได้และความยุติธรรมทางสังคม การเคลื่อนไหวและโอกาสสำหรับคนหนุ่มสาว ตลอดจนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจของรัฐบาลอย่างเต็มที่

 

“คณะรัฐบาลและตัวดิฉันเอง หวังว่าขอเสนอทั้งสี่ประการที่เพิ่งประกาศนี้ จะช่วยให้สังคมของเราก้าวไปข้างหน้า ขอให้เรามาช่วยกันแทนที่ความขัดแย้งด้วยการสนทนาและหาวิธีแก้ปัญหาไปด้วยกัน”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'โจชัว หว่อง' แย้ง 'สายเกินไป' กับการถอดร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน

 

ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์กับจีนแผ่นดินใหญ่นั้น นางแคร์รี แลม กล่าวในช่วงท้ายๆว่า ผู้ชุมนุมบางคนแม้เป็นคนจำนวนไม่มาก ได้เข้าโจมตีสำนักงานผู้แทนของรัฐบาลกลางในฮ่องกงและทำลายสัญลักษณ์ประจำชาติและตราประจำชาติ ซึ่งถือเป็นการท้าทายโดยตรงต่อแนวคิด "หนึ่งประเทศ สองระบบ" ของรัฐบาลจีน การกระทำเช่นนี้ทำให้ฮ่องกงตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูงและเป็นอันตราย  “เราไม่สามารถตกลงหรือยอมรับเอาความรุนแรงเป็นวิธีการแก้ปัญหาของเรา สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือ การยุติความรุนแรงเพื่อปกป้องกฎของกฎหมายและเพื่อฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในสังคม ดังนั้น รัฐบาลจะต้องบังคับใช้กฎหมายกับการกระทำที่รุนแรงและผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด”