บัตรเดียวจบ...  ครบทุกเรื่องช่าง

26 ส.ค. 2562 | 23:35 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

 

 

คอลัมน์ผ่ามุมคิด

ธุรกิจวัสดุก่อสร้างเป็นอุตสาหกรรมต้นนํ้าที่สำคัญของภาคการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ในไทย โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจากข้อมูลของศูนย์วิจัยทางเศรษฐกิจหลากหลายสำนักพูดไปในทิศทางเดียวกันว่าธุรกิจวัสดุก่อสร้างจะเติบโตไปในทิศทางที่ดี ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการในการใช้วัสดุก่อสร้างภายในประเทศ ไม่เพียงแต่เมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐแต่ยังรวมไปถึงโครงการบ้านและที่อยู่อาศัย ทำให้การเกิดขึ้นของผู้รับเหมาก่อสร้างเติบโตตามขึ้นมาด้วย ดังนั้นหลายบริษัทจึงคิดช่องทางส่งเสริมธุรกิจก่อสร้างตอบโจทย์เงินทุน เติมเต็มโดยเฉพาะผู้รับเหมา

จากการพูดคุย นายวิโรจน์ รัตนชัยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจจัดจำหน่ายและช่องทางการค้าปลีก บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด เปิดเผยว่าในปีนี้รวมถึงปีหน้าคาดว่าการเติบโตของกลุ่มช่างและผู้รับเหมาก่อสร้างโดยเฉพาะรายย่อยจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่สำคัญในการทำให้ธุรกิจก่อสร้างเกิดปัญหาคือสภาพคล่องของเงินทุนในการซื้อวัสดุก่อสร้าง ดังนั้นแกนหลักในการจัดการคือจะทำอย่างไรให้กลุ่มช่างเหล่านี้มีแหล่งเงินทุนที่ถูกกฎหมาย

ด้วยความสำคัญดังกล่าวจึงเป็นจุดเริ่มต้นในการจับมือระหว่าง 2 พันธมิตร คือเอสซีจีผู้นำในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และเคทีซีผู้นำธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เพื่อจัดทำและนำเสนอ บัตรเครดิตKTC-SCG VISA Purchasing” โดยชูแนวคิดบัตรเดียวจบ ครบทุกเรื่องช่างกล่าวได้ว่าเป็นบัตรแรกและบัตรเดียวของไทยที่เจาะกลุ่มตลาดช่างและผู้รับเหมาก่อสร้าง

บัตรเดียวจบ...  ครบทุกเรื่องช่าง

วิโรจน์  รัตนชัยสิทธิ์

       

 

นายวิโรจน์ สะท้อนว่าความร่วมมือนอกจากมิติของการสร้างแหล่งทุนที่ถูกกฎหมาย เพิ่มสภาพคล่องแล้ว ยังจัดการกับปัญหาการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินและร้านวัสดุก่อสร้าง ที่สำคัญได้ทำให้กลุ่มช่างรายย่อยหลีกหนีจากการใช้เงินทุนนอกระบบ อันนำมาสู่การเพิ่มภาระต้นทุน และเข้าสู่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุด คือ การทิ้งงานนั่นเอง อย่างไรก็ดีบัตรเครดิตร่วมดังกล่าวสามารถใช้บริการผ่านร้านตัวแทนจำหน่ายของเอสซีจีได้ทั่วประเทศกว่า 130 ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งปัจจุบันมีฐานลูกค้าย่อย 100,000 ราย มองดูแล้วยังมีโอกาสที่จะเพิ่มสภาพคล่องให้กับกลุ่มเป้าหมายรวมทั้งกลุ่มช่างรายย่อยรายใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้นในตลาดธุรกิจก่อสร้างในอนาคต

ดังนั้นการจัดการด้านต้นทุนเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการก่อสร้าง ฉะนั้นความร่วมมือครั้งนี้นอกจากแสดงออกถึงการตอบโจทย์การเพิ่มแหล่งเงินทุนที่ถูกต้องตามกฎหมายให้กับกลุ่มช่างและผู้รับเหมารายย่อยแล้ว ยังถือเป็นการช่วยสนับสนุนให้ผู้รับเหมาไทยมีโอกาสพัฒนาวงการก่อสร้างในอนาคตไม่ได้จบอยู่แค่เรื่องบ้านแต่ยังควบรวมไปถึงอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ

 

ขณะ KTC เอง ได้ระบุว่ายินดีให้ความร่วมมือเพราะต้องการช่วยให้เกิดความคล่องตัว โดยครึ่งแรกของปี 2562 มีกลุ่มช่างรายย่อยถือบัตรดังกล่าวแล้วกว่า 1,000 ราย มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่อนุมัติแล้วเป็นจำนวนสูงถึง 100 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อบัตรมียอดใช้ประมาณ 500,000 บาทต่อใบซึ่งผู้ที่ได้รับการอนุมัติส่วนใหญ่ไม่เคยเข้าถึงการเงินในรูปแบบบัตรเครดิตมาก่อน ถือว่าตอบโจทย์ในเรื่องของแหล่งเงินทุนและเพิ่มสภาพคล่อง โดยในช่วงไตรมาส 3 และปลายปี 2562 จากนี้ตั้งเป้าเพิ่มกลุ่มช่างรายย่อยอีก 500 ราย โดยวางยอดใช้จ่ายรวมไว้ที่ 200 ล้านบาท

ด้านวงเงินที่อนุมัติสูงสุดถึง 1 ล้านบาทต่อราย มีจุดเด่นในด้านระยะเวลาในการปลอดดอกเบี้ยที่นานสูงสุดถึง 45 วัน อีกทั้งยังมีสิทธิพิเศษอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น คะแนนสะสม บริการผ่อนชำระ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้การสั่งซื้อเกิดความสะดวกสบายและมีความทันสมัยสอดรับกับยุคดิจิทัล กลุ่มช่างรายย่อยสามารถโทร.สั่งสินค้าและชำระเงินผ่านฟังก์ชัน KTC QR Pay ผ่านแอพพลิเคชันKTC Mobile” โดยไม่ต้องไปชำระค่าสินค้าด้วยตนเองที่ร้านค้า ในขณะที่ร้านค้าเองก็มั่นใจได้ว่าสินค้าที่สั่งซื้อดังกล่าวได้รับการชำระเรียบร้อยแล้ว โดยตรวจสอบผ่านแอพพลิเคชันKTC Tap Merchant”

 

หน้า 25-26 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,499 วันที่ 25-28 สิงหาคม 2562 

บัตรเดียวจบ...  ครบทุกเรื่องช่าง