เราจะทำตามสัญญา จาก “บิ๊กบี๋” ถึงชาวช่อง 3

13 ส.ค. 2562 | 09:03 น.

    เผชิญหน้าเจรจากันไปเมื่อวันก่อน สำหรับอดีตพนักงานช่อง3 รวมถึงตัวแทนบริษัทที่รับผลิตข่าว ที่ถูกเลิกจ้างและต้องการเรียกร้องขอความเป็นธรรม โดยมีกสทช.และคณะอนุกรรมการเยียวยาฯ เป็นผู้ไกล่เกลี่ย

    ก่อนหน้านี้คงจำกันได้ หลังจากที่มี 7 ช่องทีวีดิจิทัลยื่นขอคืนใบอนุญาตสัมปทานนั้น “นายกตู่” ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า ผู้ประกอบการต้องเสนอแผนให้กสทช. ว่าหากเลิกจ้างแล้วจะเยียวยาอย่างไร  เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่  ส่วนพนักงานที่ไม่มีสัญญาจ้างหรือฟรีแลนซ์ก็ให้กสทช. เป็นผู้ดูแลเช่นกัน เพื่อไม่ให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่พนักงานที่กลายเป็นผู้ตกงาน

เราจะทำตามสัญญา  จาก “บิ๊กบี๋” ถึงชาวช่อง 3

      คู่แรกที่เป็นความกัน คือ “อดีตพนักงาน-ช่อง 3

      ผลการชี้แจงอยู่กับกสทช.และคณะอนุกรรมการเยียวยาฯแล้ว แต่ผลสรุปจะเป็นอย่างไรยังต้องรอต่อไป

      เมื่อฝ่ายหนึ่งบอกว่า การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ไม่มีการหารือร่วมกับพนักงาน  ไม่รับฟังความเดือดร้อน ไม่หาแนวทางแก้ไขอื่น    

เราจะทำตามสัญญา  จาก “บิ๊กบี๋” ถึงชาวช่อง 3

       ขณะที่อีกฝ่าย ยืนยันว่าต้องแบกรับภาระขาดทุนต่อเนื่องจากทั้ง 2 ช่อง พร้อมแจ้งให้พนักงานรับทราบ  รวมทั้งมีเกณฑ์ในการเลิกจ้าง ไม่ใช่จิ้ม หรือมีธงว่าจะเลือก ใครอยู่ ใครไป           

      การร่อนสารของ “กรรมการผู้อำนวยการ” อริยะ  พนมยงค์  ที่จะยุติออกอากาศช่อง 13 และ 28 ในสิ้นเดือนกันยายน  พร้อมกับการเลิกจ้างพนักงานในวันที่ 31 กรกฏาคม 2562 โดยให้สาเหตุว่า เมื่อจำนวนช่องน้อยลง ก็จำเป็นใช้บุคลากรหรือพนักงานน้อยลง พร้อมกับเรียกพนักงานเข้าพบกับคณะกรรมการที่ทำหน้าที่พิจารณาการเลิกจ้างเป็นรายบุคคล  ตามกระบวนการ และขั้นตอนต่างๆ ที่สุดท้ายแล้วพนักงานที่ถูกเลิกจ้างจะต้องรับเงินชดเชยตาม “แพ็คเกจ” ที่เสนอไว้ นั่นคือ

       พนักงานอายุงาน 1 ปี ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน 2 เดือน ได้รับเงินชดเชยพิเศษ 1 เดือน รวม 3 เดือน

       พนักงานอายุงาน 3 – 6 ปี  ได้รับเงินชดเชย 7 เดือน เงินชดเชยพิเศษอีก 3 เดือน รวม 10 เดือน

      พนักงานอายุ 6-10 ปี ได้รับเงินชดเชย 9 เดือน เงินชดเชยพิเศษอีก 4.5 เดือน รวมเป็น 13.5 เดือน

      พนักงานอายุงาน 10-20 ปี ได้รับเงินชดเชย 11 เดือน เงินชดเชยพิเศษอีก 6 เดือน รวมเป็น 17 เดือน

      พนักงานอายุงาน 20 ปีขึ้นไป ได้รับเงินชดเชย 14.33 เดือน เงินชดเชยพิเศษอีก 6.5 เดือน รวม 20.83 เดือน

      และพนักงานที่อายุงาน 8 ปีขึ้นไป จะได้เงินสะสมจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและเงินประกันสังคมด้วย

เราจะทำตามสัญญา  จาก “บิ๊กบี๋” ถึงชาวช่อง 3

      ช่อง 3 SD หรือช่อง 28  ซึ่งมีกำหนดออกอากาศในวันสุดท้ายคือวันที่ 30 กันยายน 2562 จะได้รับเงินชดเชย 903 ล้านบาท เมื่อหักยอดค้างชำระงวด 4 และภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว จะเหลือเงินค่าชดเชย  680 ล้านบาท  ส่วนช่อง 3 Family หรือช่อง 13  ออกอากาศในวันสุดท้าย 30 กันยายนเช่นกัน จะได้รับเงินชดเชย 226 ล้านบาท เมื่อหักยอดค้างก็จะเหลือ 162 ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จ 2 ช่อง จะได้รับเงินชดเชย   842 ล้านบาท 

เราจะทำตามสัญญา  จาก “บิ๊กบี๋” ถึงชาวช่อง 3

      แต่แน่นอนว่า ตัวเลขนี้ไม่ใช่จำนวนเงินที่จะนำไปจ่ายชดเชยให้กับพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง ทั้งหมด  เพราะบีอีซี ก็มีแผนที่จะนำเงินส่วนนี้ไปใช้เช่นกัน

      ขณะที่ศึกนอก (จากอดีตพนักงาน) ก็ถาโถม  ศึกใน (จากพนักงานปัจจุบัน) ก็ยังเป็นปมที่ “บิ๊กบี๋” ต้องเร่งคลี่คลาย

      การเปิดใจล่าสุดของ “อริยะ” ในวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา จึงประกาศชัดเจนว่า นับจากนี้ “บีอีซี” จะเริ่มต้นการทำงานในรูปแบบใหม่

                Let’s move forward together, Let’s win together

      โดยนโยบายเร่งด่วนที่ “ช่อง 3” ต้องทำคือ

       สร้างรายได้จากรายการข่าว  สร้างฐานแฟนข่าว  มุ่งเป้าให้ “ช่อง 3 เป็นสถานีข่าวอันดับ 1 ที่ไม่ใช่แค่บนทีวี แต่บนโลกออนไลน์ด้วย”

เราจะทำตามสัญญา  จาก “บิ๊กบี๋” ถึงชาวช่อง 3

  อริยะ  พนมยงค์

เป้าหมายคือ  =>  การขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในข่าวสังคม  บันเทิง และอาชญากรรม

                  =>  การเป็นองค์กรข่าวหลักของคนไทย

                          =>  เป็นช่องข่าวที่คนไทยให้ความเชื่อถือ

                         => ใช้เทคโนโลยีทันสมัยที่สุดนำเสนอข่าวออฟไลน์และออนไลน์     

      แน่นอนว่า “ช่อง 3” เคยเป็นเบอร์ 1 ในรายการข่าว เคยเป็นผู้บุกเบิกข่าว สร้างให้รายการข่าวในรูปแบบ “เรื่องเล่า” เกิดขึ้นในเมืองไทย  จนวันนี้รายการข่าวเกือบ 100% เป็นการเล่าข่าว

      การยืนหยัดครองความเป็นผู้นำทั้งในช่วงข่าวเช้า และข่าวดึก   (ในยุคที่ข่าวยังไม่แบ่งซอยย่อยถี่ และมีรายการข่าวมากกว่า 100 รายการเช่นนี้)  โอกาสแทบจะริบหรี่

เราจะทำตามสัญญา  จาก “บิ๊กบี๋” ถึงชาวช่อง 3

      จากอดีตเรื่องเล่าเช้านี้ที่เคยครองเรตติ้งได้ 2 อัพ แต่วันนี้ได้เกิน 1 ก็หรู

      ความพยายามในการแก้เกม  ปรับกลยุทธ์ ปรับรูปแบบ แม้กระทั่งปรับลดค่าโฆษณา ถือว่าผ่านมาหมดแล้ว

       วันนี้ “อริยะ” บอกว่า รายการข่าวของช่อง 3 ยังมี “โอกาส” ก้าวขึ้นเบอร์ 1  หากวิเคราะห์จากสถิติผู้ชมและเรตติ้งที่มีอยู่  โดยรายการข่าวทั้งหมดที่มีในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง ,  เรื่องเล่าเช้านี้ , เที่ยงวันทันเหตุการณ์ ,  เรื่องเด่นเย็นนี้ ,  ข่าว 3 มิติ , เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ,  เรื่องเด่นเสาร์อาทิตย์  พบว่า ช่อง 3 ครองเรตติ้งอันดับ 1 จำนวน 4 รายการ และที่เหลือเป็นอันดับ 2  และเป็นอันดับ 2 ที่แข็งแรง คือ ไล่บี้คู่แข่งแบบหายใจรดต้นคอ

เราจะทำตามสัญญา  จาก “บิ๊กบี๋” ถึงชาวช่อง 3

      ที่จ่อขึ้นเบอร์ 1 ได้ไม่ยากเห็นจะเป็น  “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” ที่ได้ “หนุ่ม-กรรชัย  กำเนิดพลอย” มาเป็นแม็กเน็ต ด้วยลีลาการเล่าข่าวโดดเด่น น่าสนใจ  มีลูกอ้อน ลูกไล่ ความขี้เล่น ความคุ้นเคยทำให้จับต้องได้ กลายเป็นเสน่ห์

       แต่ที่ต้องทำงานหนักเห็นจะเป็น “เรื่องเล่าเช้านี้”  ที่ปรับ ขยับทัพ หั่นเวลา หั่นคน ก็ยังไม่สามารถเรียกเรตติ้งให้เพิ่มขึ้น 

       การสู้ศึกรอบด้าน  ไม่ใช่แค่ “Challenge” ที่อดีต CEO Line Thailand คนนี้ต้องเผชิญ  แต่กลายเป็น Beyond the Challenge  ที่ต้องจับตาดูต่อไป....