หวั่นอสังหาทรุดหนักเสนอธปท.เบรคคุมปล่อยกู้

08 ส.ค. 2562 | 09:13 น.

อธิปเสนอ ธปท.เว้นวรรคมาตรการ LTV พร้อมเสนอปรับปรุงเงื่อนไข 3 ข้อ ดูแลผู้กู้ร่วม-สัญญาซื้อขายราคาประเมิน ลั่น เห็นสัญญาณกู้ไม่ผ่านเพิ่มเป็น 40% จาก 20% ยันไม่เห็นสัญญาเก็งกำไรบ้านจัดสรร-แนวราบ ไม่ควรใช้มาตรการเดียวคุมทุกโปรดักต์ กดดัน Real Demand เผยเศรษฐกิจฟื้นค่อยมาบังคับใช้ก็ยังไม่สาย

               นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สภาหอการค้าฯ เห็นด้วยกับมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) แต่อาจจะขอปรับปรุงในรายละเอียดบางข้อให้มีผลกระทบน้อยลง โดยเสนอปรับปรุง 3 ข้อ ได้แก่ 1.ผู้กู้ร่วม เนื่องจากลูกค้ารายย่อยต้องการกู้ซื้อบ้านจะต้องมีผู้กู้ร่วม ซึ่งจะไปเกี่ยวเนื่องกับสัญญาที่ 2 และ 3 ทำให้ผู้กู้ร่วมหรือผู้ค้ำประกันอาจโดนตัดสิทธิ์กู้ที่อยู่อาศัยเอง

หวั่นอสังหาทรุดหนักเสนอธปท.เบรคคุมปล่อยกู้

               และ 2.ขอเปลี่ยนสัญญาซื้อขายจากราคาจริงมาเป็นสัญญาซื้อขายราคาประเมิน แม้ธปท.จะกลัวว่า การใช้ราคาประเมินอาจจะประเมินต่ำหรือสูงเกินไป แต่ส่วนตัวมองว่า การใช้ราคาจริงจะทำให้เกิดปัญหาการกู้เกินวงเงินต่อหลักทรัยพ์ค้ำประกัน แต่การใช้ราคาประเมินน่าจะเหมาะกว่า เนื่องจากบริษัทที่ประเมินราคาเป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือได้ เพราะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ

ส่วน 3.ระยะเวลายังคับใช้มาตรการ LTV มองว่า ปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว ทำให้คนกู้ซื้อบ้านลำบากมากขึ้น แม้ว่าไม่มีมาตรการตลาดอังหาริมทรัพย์ก็ชะลอตัวอยู่แล้ว ประกอบกับตลสดอสังหาริมทรัพย์รวมภาคการก่อสร้างรับเหมาก่อสร้างมีสัดส่วนถึง 12% ของจีดีพี หากทรุดตัวลงจะฉุดทุกอย่างไปด้วย และปัจจุบันนี้ก๋ไม่พบว่ามีสัญญาณการเก็งกำไรแต่อย่างใด และไม่ได้เกิด Over Supply แต่คนกู้ไม่ผ่านซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จากเดิมอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Reject) อยู่ที่ 20% ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 40% ดังนั้น จึงเสนอให้ธปท.อาจจะเว้นวรรคมาตรการ LTV และตั้งทีมงานมาดูแลติดตามเรื่องนี้ ซึ่งธปท.สามารถทำได้ และเมื่อสัญญาณเศรษฐกิจกลับมามีการบริโภคมากขึ้น ธปท.สามารถนำมาตรการ LTV กลับมาใช้ได้

หวั่นอสังหาทรุดหนักเสนอธปท.เบรคคุมปล่อยกู้

ส่วนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มองว่า เป็นผลดีต่อผู้บริโภคและผู้กู้บ้าน โดยจะช่วยลดค่าผ่อนชำระต่องวดลดลง 2% และช่วยตัดเงินต้นมากขึ้น ส่วนคนที่กำลังจะกู้เงินจะได้วงเงินเพิ่มขึ้นราว 2% แต่ปัจจุบันปัญหาอยู่ที่ว่าคนกู้ไม่ผ่าน ซึ่งคนที่กู้ไม่ผ่านไม่ค่อยมีผลกับอัตราดอกเบี้ยมากนัก แต่ให้ดอกเบี้ยแพงก็ยอมกู้ ส่วนผลต่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อาจจะมีต้นทุนเงินถูกลง

               “เรามีการเสนอให้ธปท.เว้นวรรคมาตรการ LTV ซึ่งเราเชื่อว่ายอมถอยมาตรการได้ เพราะตอนนี้ตลาดชะลอตัวอยู่แล้ว แม้ไม่มีมาตรการก็ตาม เราเห็นสัญญาการวิ่งลงจากเขา Down Hill เพราะอสังหาริมทรัพย์มีวอลุ่ม 8 แสนล้านบาท ไม่นับรวม Value Chain หากรวมมีสูงถึง 2 ล้านล้านบาท และตอนนี้ไม่มีสัญญาการเก็งกำไร หากธปท.ห่วงคอนโดมิเนียม แต่นำมาตรการ LTV มาคุมทุกอย่าง ทุกโปรดักต์ ทั้งบ้านจัดสรร บ้านแนวราบที่ไม่ได้มีการเก็งกำไร จะกดดันความต้องการที่แท้จริง จึงมีการเสนอการปรับเงื่อนไข 3 ข้อดีไหม

หวั่นอสังหาทรุดหนักเสนอธปท.เบรคคุมปล่อยกู้