"รถไฟฟ้า 5 สี" คอนโดฯ พรึบ ... "นํ้าเงิน" นำโด่ง
คอนโดมิเนียมตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้ามีจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบีทีเอส สายสีเขียว และใต้ดินเอ็มอาร์ที สีนํ้าเงิน ที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน
แม้จะมีจำนวนโครงการเกิดขึ้นน้อยกว่าเมื่อเทียบกับทำเลรอบนอก ตามตรอกซอกซอย แต่มองว่า ความนิยมมีสูง ทำให้ราคาที่ดินขยับสูงตาม
ทั้งนี้ จากการสำรวจของ นายสุรเชษฐ กองชีพ นักวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ ณ สิ้นปี 2561 พบว่า จำนวนคอนโดมิเนียมแนวเส้นทางดังกล่าวอยู่ที่ 43%
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนนี้จะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2562 เป็นต้นไป เนื่องจากมีเส้นทางเพิ่งเริ่มดำเนินการในปี 2560-2561 แต่บางเส้นทางเริ่มก่อสร้างมาก่อนหน้านั้นแล้ว โดยพบว่า สายสีนํ้าเงินมีผู้ประกอบการให้ความสนใจซื้อที่ดินพัฒนาโครงการเป็นจำนวนมาก จึงเป็นพื้นที่ที่มีจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายมากที่สุด ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน หลังมีการก่อสร้างอย่างเป็นรูปธรรมปี 2554 และจะกำหนดเปิดให้บริการช่วงต่อขยายประมาณปี 2562-2563 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ตามแนวถนนประชาราษฎร์สาย 2 ถนนจรัญสนิทวงศ์ และถนนเพชรเกษม รวมไปถึงพื้นที่ตามแนวถนนสายรองและซอยย่อยต่าง ๆ
ขณะพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าอื่น ๆ อาจมีจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่สะสมน้อยกว่าสายสีนํ้าเงินแบบชัดเจน เพราะเพิ่งก่อสร้าง หรือทำเลไม่เอื้อต่อการพัฒนา เช่น สายสีแดง
ส่วนทำเลที่อยู่ในความนิยมมีคอนโดมิเนียมเกิดรอง ๆ ลงมา ได้แก่ สายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) สายสีส้มตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรมฯ -มีนบุรี) สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) แต่ถึงกระนั้นผู้ประกอบการยังคงเลือกพื้นที่ที่มีความเป็นชุมชนมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ รองรับอยู่แล้ว เช่น ทำเลตั้งแต่ 5 แยกลาดพร้าวขึ้นไปถึงแยกมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ของสายสีเขียวเหนือ พื้นที่รอบสถานีหัวหมากและลำสาลีของเส้นทางสายสีส้ม เป็นต้น ส่งผลให้ราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 10-20% ต่อปีขึ้นไปถึง 2 เท่า หรือมากกว่านั้น
สำหรับอีกปัจจัยที่เป็นตัวเร่งให้มีแต่โครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า รวมไปถึงข้อบังคับในผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ที่มุ่งเน้นให้พื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้ามีศักยภาพสูงกว่าพื้นที่ที่ไกลออกไป ดังนั้น พื้นที่ที่อยู่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าจะเป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมต่อไปในอนาคตและจำนวนจะมากขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน
| รายงาน : โต๊ะข่าวอสังหาฯ
หน้า 27 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,444 วันที่ 14-16 กุมภาพันธ์ 2562
แม้จะมีจำนวนโครงการเกิดขึ้นน้อยกว่าเมื่อเทียบกับทำเลรอบนอก ตามตรอกซอกซอย แต่มองว่า ความนิยมมีสูง ทำให้ราคาที่ดินขยับสูงตาม
ทั้งนี้ จากการสำรวจของ นายสุรเชษฐ กองชีพ นักวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ ณ สิ้นปี 2561 พบว่า จำนวนคอนโดมิเนียมแนวเส้นทางดังกล่าวอยู่ที่ 43%
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนนี้จะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2562 เป็นต้นไป เนื่องจากมีเส้นทางเพิ่งเริ่มดำเนินการในปี 2560-2561 แต่บางเส้นทางเริ่มก่อสร้างมาก่อนหน้านั้นแล้ว โดยพบว่า สายสีนํ้าเงินมีผู้ประกอบการให้ความสนใจซื้อที่ดินพัฒนาโครงการเป็นจำนวนมาก จึงเป็นพื้นที่ที่มีจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายมากที่สุด ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน หลังมีการก่อสร้างอย่างเป็นรูปธรรมปี 2554 และจะกำหนดเปิดให้บริการช่วงต่อขยายประมาณปี 2562-2563 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ตามแนวถนนประชาราษฎร์สาย 2 ถนนจรัญสนิทวงศ์ และถนนเพชรเกษม รวมไปถึงพื้นที่ตามแนวถนนสายรองและซอยย่อยต่าง ๆ
ขณะพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าอื่น ๆ อาจมีจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่สะสมน้อยกว่าสายสีนํ้าเงินแบบชัดเจน เพราะเพิ่งก่อสร้าง หรือทำเลไม่เอื้อต่อการพัฒนา เช่น สายสีแดง
ส่วนทำเลที่อยู่ในความนิยมมีคอนโดมิเนียมเกิดรอง ๆ ลงมา ได้แก่ สายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) สายสีส้มตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรมฯ -มีนบุรี) สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) แต่ถึงกระนั้นผู้ประกอบการยังคงเลือกพื้นที่ที่มีความเป็นชุมชนมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ รองรับอยู่แล้ว เช่น ทำเลตั้งแต่ 5 แยกลาดพร้าวขึ้นไปถึงแยกมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ของสายสีเขียวเหนือ พื้นที่รอบสถานีหัวหมากและลำสาลีของเส้นทางสายสีส้ม เป็นต้น ส่งผลให้ราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 10-20% ต่อปีขึ้นไปถึง 2 เท่า หรือมากกว่านั้น
สำหรับอีกปัจจัยที่เป็นตัวเร่งให้มีแต่โครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า รวมไปถึงข้อบังคับในผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ที่มุ่งเน้นให้พื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้ามีศักยภาพสูงกว่าพื้นที่ที่ไกลออกไป ดังนั้น พื้นที่ที่อยู่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าจะเป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมต่อไปในอนาคตและจำนวนจะมากขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน
| รายงาน : โต๊ะข่าวอสังหาฯ
หน้า 27 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,444 วันที่ 14-16 กุมภาพันธ์ 2562
