'บ๊อช' ประเมินเศรษฐกิจโลกโต 2.3% เหตุจากความขัดแย้งด้านการเมือง–การค้าระหว่างประเทศ แต่ยังมั่นใจว่า ผลประกอบการของบริษัทจะเติบโต ขณะที่ เทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าและ AI จะเป็นดาวรุ่ง
ดร.อเซนเคีย ชเบาเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บ๊อช กล่าวว่า ปี 2562 บ๊อชคาดว่า เศรษฐกิจโลกจะเติบโตเพียง 2.3% เนื่องจากระดับความเข้มข้นด้านการเมืองที่เพิ่มมากขึ้น อาทิ ประเด็น Brexit ที่ยังคงไม่มีบทสรุป อีกทั้งปัญหาความขัดแย้งทางการค้ามากมาย นอกจากนี้ ยังมีนโยบายทางเศรษฐกิจที่แข็งกร้าวเกี่ยวกับการนำเข้า ด้วยการกำหนดอัตราภาษีสินค้านำเข้าที่สูงลิ่ว หรือ การยกเลิกข้อตกลงการค้าเสรี สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยฉุดการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุน
แม้ว่าบ๊อชจะมีแผนการใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่ แต่บริษัทฯ หวังที่จะสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้มากกว่าภาพรวมของตลาดในปีนี้ เพื่อรักษาผลประกอบการให้อยู่ในระดับที่สูงให้ได้อีกครั้ง
บ๊อชเร่งพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ ด้วยเงินลงทุนกว่า 4 พันล้านยูโร และคาดการณ์ยอดขายจากกลุ่มธุรกิจการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าจะเพิ่มถึง 5 พันล้านยูโร ในปี 2568 ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ
"เอไอ" ที่จะบริษัทเตรียมเพิ่มบุคลากรจาก 1,000 เป็น 4,000 คน ภายในปี 2564
ขณะที่ ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา แบ่งออกเป็น ยอดขายของธุรกิจโซลูชั่นส์แห่งการขับเคลื่อน (Mobility Solutions) ที่ยังคงเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ทั่วโลก เมื่อดูจากตัวเลขเบื้องต้น พบว่า ยอดขายเพิ่มขึ้น 2.3% เป็น 4.7 หมื่นล้านยูโร หรือคิดเป็น 4.7% หลังปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว
ส่วนกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ทำยอดขายได้ 1.78 หมื่นล้านยูโร ลดลง 3.2% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ประกอบกับแรงกดดันด้านราคาในตลาดหลัก ๆ ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของ BSH Hausgeräte GmbH และกลุ่มธุรกิจสินค้าเครื่องมือไฟฟ้า เมื่อปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน จึงทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเพียง 0.9%
ทางด้านกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 7.4 พันล้านยูโร หรือเพิ่มขึ้น 8.9% ซึ่งนับว่าเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดากลุ่มธุรกิจต่าง ๆ และเมื่อปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว จะเติบโตถึง 11% โดยเฉพาะแผนกเทคโนโลยีขับขี่และควบคุมมีการเติบโตต่อเนื่องดี
ในขณะที่ บ๊อชมีแผนเตรียมจะขายธุรกิจเทคโนโลยีสำหรับบรรจุภัณฑ์ ด้านกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานและอาคาร มียอดขายอยู่ที่ 5.5 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้น 2.3% หรือ 4.7% เมื่อปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว