คลังจ่อเปิดทางเติมเงินผ่านบัตรสวัสดิการฯขอคืนแวตปลายปี

11 ก.ค. 2561 | 10:43 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

คลังเตรียมเปิดทางให้เติมเงินผ่านบัตรสวัสดิการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มช่วงปลายปี หวังเพิ่มกำลังซื้อให้รายย่อย 11.4 ล้านคน เพื่อใช้จ่ายสินค้าจำเป็น

นายอภิศักดิ์ ตันติรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยว่า หลังจากที่กระทรวงการคลังได้เดินหน้าโครงการบัตรสวัสดิการรัฐ ระยะที่ 2 ด้วยการเติมเงิน 200-300 บาท สำหรับผู้ลงทะเบียนฝึกอาชีพ เพื่อสร้างรายได้ในอนาคต จากนั้นจะเปิดทางให้รายย่อยเติมเงินเข้าบัตรสวัสดิการเพิ่มเติม เพราะบัตรดังกล่าวเป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ สามารถนำบัตรไปใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการ เพื่อรูดผ่านเครื่อง EDC เพราะมีข้อมูลการซื้อขาย บัญชีการซื้อขายจะปรากฏผ่านเครื่อง EDC และในปลายปีจะเปิดให้รายย่อยยื่นขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากรได้ แม้จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีก็ตาม เพื่อให้มีเงินนำมาใช้จ่ายลดภาระค่าครองขีพได้

conthai

โดยรัฐบาลพร้อมตั้งงบประมาณชดเชยยอดเงินที่ต้องขอคืนจากรายย่อย เหมือนกับโครงการรถยนต์คันแรก สำหรับรายการสินค้า จะเน้นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ แต่คงบังคับทั้งหมดไม่ได้ เพราะมือถือบางครั้งจำเป็นต้องใช้ในการประกอบอาชีพ และรองรับการใช้เงินแบบไร้เงินสด อาจบังคับซื้อสินค้าอบายมุข เช่น เหล้า บุหรี เบื้องต้นคงเริ่มใช้เฉพาะการรูดซื้อสินค้าผ่านเครื่อง EDC ส่วนการซื้อผ่านระบบ QRCode ยังไม่เปิดใช้เพราะเป็นระบบผ่านสมาร์ทโฟน ขณะนี้หลายหน่วยงานอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดร่วมกัน คาดว่าจะสรุปแนวทางทั้งหมดเพื่อเสนอ ครม.พิจารณาในเร็วๆนี้

นายอภิศักดิ์ ยังกล่าวในงานสัมมนา Thailand Competitiveness Conference 2018 จัดโดยสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศที่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะสถาบัน IMD เป็นสถาบันทำการสำรวจ และจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจระดับโลก ว่า เพื่อต้องการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันสำหรับโลกยุคใหม่โดยใช้นวัตกรรม หรือเทคโนโลยีดิจิทัล ตามนโยบายของรัฐบาล ในการขับเคลื่อนประเทศด้วยดิจิทัล โดยรัฐบาลได้กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในเรื่องการสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ หลังจากรายงานล่าสุดในปี 2560 สถาบัน IMD ได้จัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย อยู่ในอันดับที่ 27 ดีขึ้นจากปี 2559 ที่อันดับ 28

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6

จึงต้องเร่งปฏิรูปประเทศ สร้างพื้นฐานในทุกด้าน ลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในขณะนี้ให้ลดลง ด้วยการพัฒนาที่ทัดเทียมกัน และการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ให้เกิดขึ้นในช่วง 20 ปีข้างหน้าเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด เพื่อลดค่าใช้จ่าย และสามารถแข่งขันได้ในยุคดิจิทัล ซึ่งจะต้องอาศัยภาคเอกชน เข้ามาร่วมตามแนวทางประชารัฐ พัฒนาคนในประเทศทุกกลุ่ม ให้มีความเท่าเทียม ไปพร้อมๆกับการพัฒนาประเทศชาติ เมื่อทุกฝ่ายร่วมมือกันจะประสบความสำเร็จเหมือนกับแนวทางการช่วยเหลือทีมหมูป่า 13 คนออกจากถ้ำหลวง เพราะทุกหน่วยงานร่วมมือกันและยังร่วมมือกันจากหลายประเทศทั่วโลก เมื่อไทยติดอันดับการแข่งขันในระดับต้นๆ จะไม่หลุดไปจากเวทีโลก ทุกประเทศจะแห่เข้ามาลงทุน เพราะมีความพร้อมต้อนกับการลงทุน และไทยยังเป็นศูนย์กลางของ CLMVT เพื่อให้เขตEEC และท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือของอาเซียน

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว