ศก.รากหญ้าฟื้น ซัมมิทลุยลีสซิ่ง

ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง เดินหน้าเต็มสูบตั้งเป้า สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เพิ่ม 1.2 แสนคัน ส่งผลสินเชื่อคงค้างแตะหมื่นล้าน จับมือดีลเลอร์ 800 แห่งรุกตลาดภูธร ขยายสาขาบริการ 41 แห่ง จ่อออกโปรดักต์ใหม่สิ้นปีนี้

ภายหลังจากการนำคณะสื่อมวลชนไทยไปยังเขตคันไซของประเทศญี่ปุ่นเพื่อเยี่ยมชมแก่นแท้แห่งปรัชญาของบริษัทซูมิโตโมคอร์ปอเรชั่นฯบริษัทที่ติดอันดับ 500 บริษัทชั้นนำในด้านการค้าระดับโลกและมีการลงทุนมากถึง 107 แห่งใน 65 ประเทศ รวมถึงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 100 % ในบริษัท ซัมมิท แคปปิตอลลีสซิ่ง จำกัด

นายวิชิต พยุหนาวีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์ว่า จากปัจจัยเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะขยายตัวได้ถึง 4% ในปีนี้ ประกอบกับกำลังซื้อรากหญ้าฟื้นตัว โดยเฉพาะระดับรายได้ 10,000-20,000 บาทต่อเดือน ส่งผลดีให้ตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ปีนี้ คาดจะขยายตัวได้ถึง 3-4% บริษัทจึงตั้งเป้าเติบโตเป็น 2 เท่าของตลาดหรือที่ 7% โดยมีจำนวนสัญญาใหม่ของสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในปีนี้เพิ่มขึ้น 1.2 แสนคัน เฉลี่ยเดือนละ 1 หมื่นคัน ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างสิ้นปีคาดว่าจะแตะ 9,700 - 10,000 ล้านบาท เติบโต 28% จากปี 2560 ที่มียอดสินเชื่อคงค้างที่ 7,600 ล้านบาท

ส่งผลให้รายรับสุทธิปีนี้คาดจะเพิ่มถึง 25% มาจากรายได้เช่าซื้อสัดส่วน 95% อีก 5% มาจากสินเชื่อบุคคลโดยในเดือนมกราคมมีจำนวนสัญญาใหม่ที่เข้ามาแล้วถึง 1.02 หมื่นคัน ทำสถิติ สูงสุดใน 24 ปี และภายในสิ้นปีนี้บริษัทยังมีแผนจะออกโปรดักต์สินเชื่อที่ต่อยอดจากสินเชื่อเช่าซื้อจักรยานยนต์ ขณะที่สินเชื่อบุคคลที่ได้เปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2559 ปัจจุบันมีพอร์ตประมาณ 1 พันล้านบาท

“ยอดขายตลาดรถจักรยาน ยนต์แต่ละปีจะมีประมาณ 1.9-2.0 ล้านคัน จำนวนนี้ 40% หรือประมาณ 8 แสนคันจะใช้บริการสินเชื่อเช่าซื้อผ่านสถาบันการเงิน และเป็นส่วนของที่ปล่อยกู้โดยซัมมิทแคปปิตอลประมาณ 1.2 แสนคัน หรือบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดมากเป็นอันดับ 1 ถึง 15% ของตลาดสินเชื่อเช่าซื้อป้ายแดง”

นายวิชิตกล่าวต่อว่า การจะรักษาอัตราเติบโตให้ต่อเนื่องทำให้ต้องตั้งเป้าหมายท้าทายว่าในปีนี้ให้เพิ่มสัญญาใหม่ถึง 1.2 แสนคันเพราะในปีหนึ่งๆ จะมียอดปิดบัญชีหรือผ่อนครบกำหนด 3 ปีประมาณ 7 หมื่นคัน ซึ่งหักลบแล้วยอดสุทธิที่เพิ่มจริงๆ เพียง 5 หมื่นคัน

ทั้งนี้กลยุทธ์ที่จะนำให้บริษัทก้าวสู่เบอร์ 1 ได้อย่างยั่งยืนคือ 1.ขยายพื้นที่ให้บริการปีนี้จะเพิ่มเป็น 41 สาขาครอบ คลุม 73 จังหวัด 2. รุกผ่านดีลเลอร์ 800 ดีลเลอร์ สร้างความพร้อมในการอนุมัติสินเชื่อให้รู้ผลภายใน 30 นาทีและ 3. การ สร้างพนักงานขายเพิ่ม 4. ลง ทุนเทคโนโลยี เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้งบมากกว่า 60 ล้าน บาทในปีที่ผ่านมาและ 5.อบรมพัฒนาพนักงานเพิ่มขีดความสามารถในการคัดเลือกลูกค้าที่มีคุณภาพ ทำให้บริษัทมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ตํ่าไม่ถึง 1% ของยอดสินเชื่อ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,346 วันที่ 8 - 10 มีนาคม พ.ศ. 2561