KEY
POINTS
*** ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา กับนโยบายเจ้าพ่อใหญ่ ยื่นข้อเสนอที่ไม่ให้ปฏิเสธ ชาร์จภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นกับแทบทุกประเทศ เพื่อกลบขาดดุลการค้าตัวเอง ประเทศไทยเจอเข้าไป 36% ขีดความความสามารถแข่งขันถดถอยลงโดยพลัน เมื่อเทียบกับคู่แข่งระดับใกล้เคียงกัน ผลิตสินค้าส่งออกคล้ายกัน อย่าง เวียดนาม ที่ตํ่ากว่ามาก พ่อค้า ผู้ส่งออกไทยไปตลาดสหรัฐกุมขมับ พับเพียบ ลำพังความฝืดแกว่งๆ ของตลาดรวมๆ ก็กระอักอยู่แล้ว เจอเจ้าพ่อทุบซํ้าถึงกับพังพาบสิ้นท่าเอาได้เลยทีเดียว
*** ชีวิตต้องดำเนินต่อไป ยังไงก็ต้องสู้ ต้องยื้อ ว่าแล้ว พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและรัฐมนตรีคลัง หัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทย ปรับข้อเสนอในการเจรจากับสหรัฐใหม่ เพื่อหวังให้ทันเส้นตายก่อนสหรัฐขึ้นภาษี 1 ส.ค.นี้ แต่ก็ยอมรับกลายๆ เจรจามากว่า 100 วันแล้ว ที่ผ่านมายังมีความไม่ชัดเจน และไม่มีความแน่นอน และยังไม่มีใครคาดเดาได้ว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร แม้การเจรจาที่ผ่านมา สหรัฐจะฟาดเปรี้ยงเสนอฝ่ายเดียว ไม่ได้ยินยอมแลกเปลี่ยนมากมายนัก แต่ยังต้องพูดคุย สร้างประโยชน์ร่วมกันให้ได้
*** นอกจากสหรัฐบี้ให้ลดภาษี เปิดตลาด ยังมีข้อเสนออื่นที่ไม่เกี่ยวกับภาษี อย่างเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ การเข้ามาไทยเพื่อถ่วงดุลจีนของสหรัฐในภูมิภาคนี้ อันนี้เป็นประเด็นสำคัญ ที่จุดชนวนความขัดแย้งภายในภูมิภาค และเป็นความขัดแย้งภายในประเทศ แน่นอนขืนไปยอมสหรัฐ เรื่องนี้ จีนก็ย่อมไม่พอใจ ก็จะเป็นปัญหาที่ลุกลามตามมาอีกมากมาย การสร้างความสมดุลทั้งกับ สหรัฐ และ จีน เป็นเรื่องยากมากๆ ในยามนี้ ไปอี๋อ๋อสหรัฐมาก จีนไม่พอใจ ไปแนบแน่นกับจีนมากไป สหรัฐก็ไล่ทุบ จำต้องหาระยะที่เหมาะสมให้ได้
*** แพ็กเกจใหม่ที่จะยื่นไปก่อนเส้นตาย ในการเจรจากับสหรัฐ นั้นไทย จำต้องเปิดตลาดกว้างขึ้นในสินค้าที่สหรัฐ ต้องการส่งออกมาไทย เรียกว่าจากจำนวนสินค้าทั้งหมด ไทยเปิดให้ถึง 69 % จาก 63-64 % ของทั้งหมดเลยทีเดียว ตลาดบางชนิด ไม่เคยเปิดต้องเปิด เช่น ปลานิล ลำไย สินค้าเกษตรอื่น ที่ต้องคำนึงในการปกป้องสินค้าเกษตรภายในเอาไว้ด้วย และกำลังพิจารณา ตลาดรถยนต์ที่ต้องเปิดให้กับสหรัฐด้วย
นอกจากนั้นแล้ว จะต้องส่งเสริมให้ธุรกิจไทยไปลงทุนในสหรัฐเพิ่มขึ้น ในกิจการเกษตรแปรรูป รวมทั้งเรื่องของพลังงาน ก๊าซธรรมชาติ ที่จะต้องมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น และจะต้องป้องกันการสวมแหล่งกำเนิดสินค้าไทยไปสหรัฐ ฉะนั้นกฎถิ่นกำเนิดสินค้าต้องเข้มงวด เดิมกำหนดกันแค่ 40% แต่สหรัฐอาจต่อรองให้เพิ่มวัตถุดิบ ผลิตในไทยเพิ่มสัดส่วนเป็น 60-70 % อันนี้ก็ต้องทำให้ได้
*** ในด้านการเยียวยาผู้ผลิตส่งอกภายในประเทศ ฟังรองนายกฯ พิชัย ชุณหวชิร เตรียมการไว้แล้วบ้าง โดยสั่งให้แบงก์รัฐเตรียมวงเงินสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ 2 แสนล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ย 0.01 % จากดอกเบี้ยปกติที่คิดกัน 2 % ก็ลดดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการ ช่วยการลงทุน ช่วยการจ้างงาน การบริหารสินค้าคงคลัง ก็ยอมรับว่า“เรื่องนี้เป็นยาขม ที่ทุกประเทศโดนหมด เราต้องเข้าใจและเดินไปในทิศทางเดียวกัน ตัดสินใจยึดถึงผลประโยชน์ประเทศเป็นหลัก ไม่มีอะไรได้มา 100% การจะได้อะไรมาบางอย่าง ก็ต้องยอมสูญเสียไปบ้าง เป็นแบบ Zero-Sum Game”
*** อันที่จริงประชาชนคนไทย ต้องผนึกหลอมรวมเรื่องภาษีฝ่ายเดียวของเจ้าพ่อทรัมป์ ต้องถือเป็นวาระร่วมของชาติ ต้องหาทางระดมทางความคิดและความเป็นเอกภาพของผู้คนในประเทศ ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายการเมืองฝ่ายบริหาร ไม่งั้นผ่านวิกฤติไม่ได้แน่ๆ เพราะถ้าเจรจาไปแล้วกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดเสียแล้วไม่ยอม หรือกระทั่งฝ่ายการเมืองด้วยกันนิ่งเฉย และนำมาเป็นประเด็นการเมืองถล่มรัฐบาลซํ้า ก็ยิ่งวิวิกฤติซ้อนเข้าไปอีก จนแก้ จนเดินอะไรกันไปไม่ได้เลย
*** มีแต่เรื่องร้ายๆ ร้อนๆ โจทย์ยากให้แก้ เคราะห์ซํ้ากรรมซัด ประเทศไทย มีนายกฯ ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ มีเรื่องโลกที่เข้ามากระทบยุ่บยั่บไปหมด สลดกันถ้วนหน้า มี “ข่าวดี” อยู่บ้างต้องเรื่องนี้เลย ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 47 เห็นชอบ การบรรจุให้ “พระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม วรมหาวิหาร” ขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก (Tentative List) ขององค์การยูเนสโก ซึ่ง “พระปรางค์วัดอรุณฯ อัตลักษณ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นสถาปัตยกรรมในพุทธศาสนาที่มีความโดดเด่น ได้รับอิทธิพลมาจากพระปรางค์ในศิลปะอยุธยาและพัฒนามาเป็นลักษณะเฉพาะของพระปรางค์ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในสมัยรัตนโกสินทร์
คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย...กาแฟขม : หน้า 4 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,114 วันที่ 17 - 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2568