KEY
POINTS
เริ่มต้นโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 69 สร้างปรากฏการณ์ความคึกคักให้กับเศรษฐกิจฐานรากอย่างชัดเจน ด้วยยอดใช้จ่ายที่พุ่งสูงกว่า 750 ล้านบาท ในวันแรก ด้วยจำนวนผู้ใช้สิทธิสำเร็จกว่า 3.6 ล้านคน คิดเงินที่ประชาชนจ่ายเอง 379.44 ล้านบาทและเงินที่รัฐร่วมจ่ายประมาณ 372.80 ล้านบา
ตัวเลขเหล่านี้คือ สัญญาณที่ชัดเจนว่า มาตรการของรัฐบาลยังคงมีพลังในการอัดฉีดกำลังซื้อ และช่วยเยียวยาร้านค้ารายย่อยที่ต้องการสภาพคล่องอย่างเร่งด่วน นับเป็นการสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนให้สะพัดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากได้ตามเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จเพียงชั่วข้ามวันก็ต้องถูกบดบังด้วย เงาของปัญหาการทุจริต ที่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยข่าวการจับกุมผู้ค้าที่พยายาม “รับแลกเงินสด” จากสิทธิที่รัฐบาลมอบให้ ประเด็นนี้ไม่ได้เป็นเพียงอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ แต่กำลังสั่นคลอน ความน่าเชื่อถือ และ ประสิทธิภาพของมาตรการรัฐอย่างร้ายแรง
โครงการ “คนละครึ่ง” ในทุกเฟสที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่า เป็นกลไกที่ทรงพลังในการช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และเพิ่มสภาพคล่องให้กับร้านค้ารายย่อย แต่โจทย์ใหญ่ของ “คนละครึ่งพลัส” ที่เพิ่มวงเงินและฟังก์ชันเข้ามา คือ การปิดช่องว่างที่เคยถูกใช้เป็นทางผ่านของการทุจริต
การที่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ตั้งแต่วันแรกที่โครงการเริ่ม สะท้อนให้เห็นว่า กลโกง “รับ-แลก-ลวง” เหล่านี้ได้กลายเป็น “อาชญากรรมรูปแบบใหม่ที่แนบเนียน” และมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า พวกเขามองเห็นช่องทางในการเปลี่ยนเจตนารมณ์ที่ดีของรัฐบาลให้กลายเป็น กำไรผิดกฎหมาย
การแลกสิทธิเป็นเงินสดทำลายเจตนารมณ์หลักของการกระตุ้นการบริโภค และเป็นการฉ้อโกงเงินภาษี ของประชาชนอย่างชัดเจน
รัฐบาลต้องเด็ดขาด โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงการคลัง จะต้องใช้มาตรการทางกฎหมายอย่าง เข้มงวดและรวดเร็ว เพื่อเป็นเยี่ยงอย่าง ไม่ใช่แค่การตัดสิทธิ แต่ต้องดำเนินคดีทางอาญาอย่างถึงที่สุด เพื่อสร้างความยำเกรงต่อกฎหมายและปกป้องเงินภาษีของประชาชน
ธนาคารกรุงไทยในฐานะผู้ดูแลระบบ ต้องเร่งยกระดับมาตรการ “การตรวจจับพฤติกรรมทุจริต” (Fraud Detection) ให้มีความแม่นยำและรวดเร็วกว่าเดิม เพื่อ “ปิดเกม” อาชญากรเหล่านี้ ก่อนที่มันจะระบาดและกลายเป็นภาพจำของโครงการ
การทุจริตในโครงการรัฐ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ คือ การทำลายความยุติธรรมทางเศรษฐกิจ และลดทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อความตั้งใจที่ดีของภาครัฐ
รัฐบาลได้ส่งมอบ “โอกาส” ในการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว หน้าที่ต่อไปคือ การปกป้องโอกาสนั้นอย่างเต็มกำลัง อย่าปล่อยให้ตัว “พลัส” ที่ควรจะเป็นคุณค่าที่เพิ่มขึ้น กลับกลายเป็น “ลบ” ที่กัดกร่อนศรัทธาของสังคม และสร้างวิกฤตศรัทธากลางมาตรการที่เราพยายามสร้างขึ้นมา
บทบรรณาธิการ หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,145 วันที่ 2 -5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568