KEY
POINTS
คิกออฟรัฐบาล “อิ๊งค์” 1/2 นับหนึ่งบริหารประเทศ หลังเข้าถวายสัตย์ฯ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ท่ามกลางรัฐนาวาที่ขาดหางเสือ แรงกดดันทางเศรษฐกิจ การเมือง ที่กำลังเขม็งเกลียว พุ่งเป้าไปที่ตัว นายกรัฐมนตรี กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และ ในเดือนสิงหาคม นัดชี้ชะตาว่านายกรัฐมนตรีจะอยู่หรือไป จากชนวนปมคลิปเสียงสนทนาหลุดกรณีข้อพิพาทชายแดนไทย -กัมพูชา
สิ่งแรกที่รัฐบาลต้องรีบทำในขณะนี้ คือ เร่งสร้างความเชื่อมั่นอย่างเป็นรูปธรรมให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ไม่เฉพาะกับนักลงทุน หรือ ภาคธุรกิจเท่านั้น แต่รวมถึงประชาชนทั่วไป ที่กำลังเผชิญค่าครองชีพที่พุ่งสูง และอนาคตทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ชัดเจน
แม้รัฐบาลจะมีนโยบายใช้งบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบนํ้า การคมนาคม รวมถึงมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว แต่การดำเนินนโยบายต้องน่าเชื่อถือโดยเฉพาะในยามที่สังคมเริ่มตั้งคำถามถึงศักยภาพ ความโปร่งใสของรัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้แรงเสียดทานทางการเมืองและการจัดสรรงบประมาณที่ยังเต็มไปด้วยข้อถกเถียง
รัฐบาลอิ๊งค์ 1/2 จึงจำเป็นต้องแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการบริหารงานแบบมืออาชีพ กล้าตัดสินใจในเรื่องยาก กล้ายอมรับข้อจำกัด กล้าสื่อสารกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา มิใช่เพียงขายฝันหรือประวิงเวลา และถึงเวลาที่รัฐบาล ต้องแสดงให้เห็นว่า ตนคือรัฐบาลที่สามารถพาประเทศผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจนี้ไปให้ได้
ท่ามกลางบริบทเศรษฐกิจที่ท้าทายอย่างยิ่ง ทั้งจากปัจจัยภายนอกอย่างเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว กำแพงภาษีสหรัฐอเมริกา รวมถึงปัจจัยภายในประเทศเอง เช่น หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง การบริโภคที่ชะลอตัว และ ภาคการส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแรงกดดันที่รัฐบาลใหม่ต้องเผชิญ และจัดการอย่างรอบคอบ ที่น่าจับตามีรัฐมนตรีป้ายแดงหลายคน เอกชน จึงวิตกว่า จะแก้ปัญหาได้หรือไม่โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์
นอกจากนี้ ความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ปัญหาการบริหารจัดการหนี้สาธารณะ และความสามารถในการจัดเก็บรายได้ของรัฐในระยะกลาง-ยาว ยังคงเป็นปัจจัยที่บั่นทอนศรัทธาในเสถียรภาพของรัฐบาล
รัฐบาลอิ๊งค์ 1/2 จึงต้องตระหนักว่า ความเชื่อมั่นไม่ใช่แค่เรื่องของ “ภาพลักษณ์” แต่คือ “การกระทำ” ที่ต่อเนื่อง มีทิศทาง และมีเป้าหมายที่ชัดเจน ความกล้าตัดสินใจในเชิงโครงสร้าง เช่น การปฏิรูปภาษี การกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจ หรือการเพิ่มประสิทธิภาพงบประมาณ คือสิ่งที่ควรเร่งดำเนินการควบคู่กับมาตรการกระตุ้นระยะสั้น
การฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงขาลง ไม่อาจอาศัยเพียงการอัดฉีดเงินชั่วคราว แต่ต้องอาศัยความมั่นใจในทิศทางของประเทศ และ ความไว้วางใจในรัฐบาลว่าไม่เพียงจะประคองประเทศให้พ้นวิกฤต แต่จะสามารถปูรากฐานใหม่ให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน !!!
บทบรรณาธิการ หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,111 วันที่ 6 - 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2568