หยุดนายกฯ กลางมรสุม ศรัทธารัฐบาลชะงัก เศรษฐกิจชะลอซ้ำ

02 ก.ค. 2568 | 07:17 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.ค. 2568 | 07:24 น.

หยุดนายกฯ กลางมรสุม ศรัทธารัฐบาลชะงัก เศรษฐกิจชะลอซ้ำ : บทบรรณาธิการ ...หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,110

มติศาลรัฐธรรมนูญ 7 ต่อ 2 ที่มีคำสั่งให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว และต้องชี้แจงข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทั้งยังเกิดขึ้นในห้วงเวลาที่เปราะบางที่สุดของเสถียรภาพการเมืองและความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ

แม้คดีคลิปเสียงสนทนากับ “สมเด็จฮุน เซน” จะยังอยู่ในกระบวนการไต่สวน และไม่มีคำวินิจฉัยชี้ขาดออกมาในขณะนี้ แต่ผลของคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก็คือ ภาวะสุญญากาศทางการเมือง ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ นักลงทุนทั้งไทย และต่างประเทศ รวมถึงประชาชนในวงกว้าง

ขณะที่เวลานี้ รัฐบาลยังต้องแบกรับแรงเสียดทานจากคะแนนนิยมที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายอย่างไม่สามารถขับเคลื่อนได้เต็มที่ ประชาชนจำนวนมาก ยังรู้สึกว่าปัญหาปากท้องไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งในจังหวะที่นายกรัฐมนตรีต้องพักจากหน้าที่ จึงยิ่งทำให้ความคาดหวังต่อรัฐบาลยิ่งพร่าเลือน

ปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ ยังทวีความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นภาวะกำลังซื้อหดตัว ราคาสินค้าเกษตรตกตํ่า ตลาดทุนผันผวน หนี้ครัวเรือนสูง และการขาดเสถียรภาพทางนโยบายการคลัง 

ขณะเดียวกัน ไทยยังเผชิญความไม่แน่นอน จากการเจรจาการค้ากับสหรัฐ ในประเด็นภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ที่อาจกระทบความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทยอย่างรุนแรง หากถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 36%

ยังไม่นับความเปราะบางด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่เริ่มส่อเค้ารุนแรงขึ้น และเชื่อมโยงไปถึงระดับผู้นำประเทศ ซึ่งไม่เพียงกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ แต่ยังอาจสะเทือนต่อเศรษฐกิจชายแดน การลงทุน และเสถียรภาพในภูมิภาคอาเซียน

 ในช่วงเวลาที่รัฐบาลเพิ่งปรับ ครม. “แพทองธาร 1/2” และรัฐมนตรีใหม่ยังไม่ทันตั้งหลัก การเปลี่ยนแปลงสถานะของนายกรัฐมนตรีเช่นนี้ อาจสร้างความชะงักงัน ในการดำเนินนโยบาย โดยเฉพาะในกระทรวงเศรษฐกิจที่ต้องเร่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง

ทั้งนี้การแต่งตั้งผู้ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นใคร แม้เป็นไปตามกลไกรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่อาจทดแทนพลังทางการเมืองและความชอบธรรมจากการเลือกตั้ง ที่ประชาชนใช้วัดผลผู้นำรัฐบาลได้เต็มที่

รัฐบาลชุดนี้จึงกำลังเผชิญ “บททดสอบศรัทธา” ครั้งใหญ่ ไม่ใช่เฉพาะในชั้นศาล แต่ในระดับความเชื่อมั่นของสังคมโดยรวม ว่าจะยังสามารถฟื้นตัวและนำพาประเทศเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่

ในภาวะที่การเมืองไทยมีความไม่แน่นอน เสถียรภาพ ความเด็ดขาดทางนโยบาย และภาวะผู้นำ คือสิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุดในเวลานี้ ไม่เช่นนั้น ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เริ่มก่อตัว จะลุกลามเป็นวิกฤตศรัทธาทั้งระบบ

หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,110 วันที่ 3 - 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2568