แฉเล่ห์“มิจฉาชีพออนไลน์”ตุ๋นกู้เงิน

14 มี.ค. 2564 | 03:55 น.

แฉเล่ห์“มิจฉาชีพออนไลน์”ตุ๋นกู้เงิน : คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3661 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 14-17 มี.ค.2564 โดย... ว.เชิงดอย

+++ ไปเริ่มกันที่... สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2564 ที่ผ่านมา ข้อมูลของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศบค.) รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศเพิ่มอีก 39 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 34 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ 5 ราย รวมผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 26,540 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยตัวเลขสะสมผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 85 ราย โดยผู้ป่วยติดที่เชื้อในประเทศ 34 รายนั้น ประกอบด้วย สมุทรสาคร 19 ราย, ปทุมธานี 8 ราย, ตาก 3 ราย, กรุงเทพมหานคร 1 ราย, พระนครศรีอยุธยา 1 ราย, อ่างทอง 1 ราย และ เพชรบุรี 1 ราย … ถือว่าดีวันดีคืนสำหรับสถานการณ์ของประเทศไทย ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ณ วันที่ 10 มี.ค.2564 เวลา 10.00 น. มียอดผู้ติดเชื้อรวมกว่า 118 ล้านราย เสียชีวิตกว่า 2.6ล้านราย รักษาหายแล้ว 93.8 ล้านราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด คือ 1.สหรัฐอเมริกา 29.8 ล้าน ราย 2.อินเดีย 11.2 ล้านราย 3.บราซิล  11.1 ล้านราย 4. รัสเซีย จำนวน 4.3 ล้านราย 5.สหราชอาณาจักร  4.2 ล้านราย ส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 116  

+++ หันไปดู โครงการเราชนะ ที่รัฐบาลสนับสนุนวงเงินช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน วงเงิน 7,000 บาท ณ วันที่ 9 มี.ค.2564 กระทรวงการคลัง พบว่า มีผู้ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการแล้ว รวมทั้งสิ้น 30.8 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้ว 94,749 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.7 ล้านคน ใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.2564  จำนวน 41,333 ล้านบาท 2.ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน เป๋าตัง ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิร่วมโครงการฯ แล้ว มีจำนวนมากกว่า 16.6 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. 2564 จำนวน 52,174 ล้านบาท 3.ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 0.5 ล้านคน มียอดใช้จ่ายสะสมตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.64 เป็นต้นมา จำนวน 1,242 ล้านบาท …เงินที่ปล่อยลงไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเฉียดแสนล้านบาทนี้ ก็น่าจะมีส่วนช่วยให้ เศรษฐกิจ ของประเทศดีขึ้นบ้างเล็กน้อย ไม่ถึงกับดีมาก

+++ ระวังกันไว้หน่อยก็ดี สำหรับพิษภัยจากพวก มิจฉาชีพออนไลน์ เพราะล่าสุด กุลยา ตันติเตมิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ออกมาเตือนว่า ขณะนี้มีผู้แอบอ้างเป็นผู้ให้บริการทางการเงินผ่านสื่อดิจิทัล หรือ ช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ โดยมีพฤติการณ์หลอกลวงประชาชนที่ประสงค์จะขอกู้ยืมเงินให้ทำสัญญากู้ยืมเงิน และให้โอนเงินเป็นค่าดำเนินการหรือค่าธรรมเนียมเข้าบัญชีผู้ให้กู้ (บุคคลธรรมดา) ก่อนล่วงหน้า ในขณะที่ผู้แอบอ้างบางรายมีการแอบอ้างว่า ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อภายใต้การกำกับ และมีการแสดงหนังสืออนุญาตที่ทำการปลอมแปลง โดยเปลี่ยน “ชื่อผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นนิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” เป็น ชื่อนิติบุคคลของผู้ที่แอบอ้าง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้มีประชาชนหลายรายหลงเชื่อและโอนเงินค่าดำเนินการหรือค่าธรรมเนียมไปให้ผู้แอบอ้าง และไม่ได้รับเงินกู้ตามความประสงค์ที่จะขอกู้ยืมเงิน

+++ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังจึงขอแจ้งเตือนผู้ที่แอบอ้างปลอมใบอนุญาตของทางราชการเพื่อนำไปหลอกลวงประชาชน กระทรวงการคลังจะดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้ที่แอบอ้างดังกล่าว พร้อมทั้งขอแจ้ง เตือนประชาชน ที่ประสงค์จะขอกู้ยืมเงิน โปรดอย่าหลงเชื่อกลุ่มผู้แอบอ้างที่มีลักษณะดังกล่าว และโอนเงินไปก่อนที่จะได้รับเงินกู้ตามที่ต้องการ รวมทั้งขอเตือนให้ประชาชนที่ประสงค์จะกู้ยืมเงินจากผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ ตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อภายใต้การกำกับที่ได้รับใบอนุญาตจาก รมว.คลัง ที่ถูกต้องตามกฎหมายก่อนที่จะดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมกู้ยืมเงิน เช่น การทำสัญญากู้ยืมเงิน เป็นต้น เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงและการฉ้อโกงทรัพย์สิน ได้ที่เว็บไซต์ www.1359.go.th หรือ http://164.115.61.50/picofinance/public/ หรือหากพบเบาะแสบุคคลที่แอบอ้างสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สายด่วน 1359 หรือให้ไปแจ้งความร้องทุกข์โดยตรงได้ที่สถานีตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุทุกแห่ง หรือโทรสายด่วน 1599 ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร.สายด่วน 1359 …ระวังๆ กันไว้ก่อนก็ดี เยอะจริงๆ พวก มิจฉาชีพออนไลน์ ยุคนี้ อย่าไปหลงกลใครง่ายๆ 

+++ ปิดท้ายกันที่เรื่องของ แกนนำม็อบราษฎร ที่เคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบัน มานานหลายเดือน ไปๆ มา ทั้งแกนนำและแนวร่วม เจอคดีต่างๆ ไม่รู้คนละกี่คดีไปตามๆ กัน โดยเฉพาะ 9 แกนนำม็อบราษฎร ไม่ว่าจะเป็น 1.อานนท์ นำภา 2.พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน 3.สมยศ พฤกษาเกษมสุข, 4.ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงค์ 5.ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ 6.จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน 7.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง 8.ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ 9.ปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ ทั้งหมดล้วนถูกดำเนินคดีต่างๆ หลักๆ ก็เป็นคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ม.112, ม.116 จน ศาลอาญา ไม่อนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราว ด้วยเหตุผลประมาณว่า คดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำซ้ำๆ ต่างกรรมต่างวาระตามข้อหาเดิมหลายครั้งหลายครา กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวพวกจำเลยจะไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกันอีก ... เมื่อเหล่า แกนนำม็อบราษฎร ถูกจองจำอยู่ในคุก ความฮึกเหิมของแนวร่วมที่จะชุมนุมขับไล่ รัฐบาลลุงตู่ ก็แผ่วไปเป็นธรรมดา ...ถือเป็นผลดีสำหรับความสงบสุขของบ้านเมือง เพราะคงไม่มีใครอยากเห็นประเทศของตัวเองมีแต่เรื่องราววุ่นวาย ปั่นป่วน อยู่ร่ำไป...