เปิดเบื้องหลัง รัฐยอมเยียวยา “เหตุสุดวิสัย”

     .....ท่ามกลางข่าวร้ายก็ยังมีข่าวดีอยู่บ้าง หลัง “หม่อมเต่า-ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ทำคลอดกฎกระทรวงว่าด้วยเรื่อง “เหตุสุดวิสัย” สามารถรับเงินเยียวยาชดเชยประกันสังคมได้อย่างรวดเร็วทันใจ ตามมาตรา 79/1 เร็วเกินคาด หลังครม.ไฟเขียว เมื่อวันที่ 15 เมษายน ถัดมา 2 วัน ค่ำวันที่ 17 เมษายน กฎกระทรวงคลอดทันที ได้ใจ “ลูกจ้าง” ที่กำลังเดือดร้อนหนักทั่วประเทศ

     .....เท่ากับต่อลมหายใจทั้งนายจ้างและลูกจ้างได้ “อีกเฮือก” ลูกจ้างจะได้รับเงินชดเชย 62% ของค่าจ้างหรือเดือนละสูงสุดไม่เกิน 9,300 บาท จากเดิมแค่ 50% ของค่าจ้างที่ไม่เกิน 15,000 บาท แต่ครม.มาขยับเพิ่มให้เป็น 62% เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของมนุษย์ลูกจ้างให้ประวิงเวลาปากท้องให้อิ่มไปได้อีกระยะหนึ่ง

     .....อีกทั้งกฎกระทรวงนี้เรียกว่า “ครอบคลุม” ไม่ใช่แต่คนในแวดวงท่องเที่ยว ที่แรงงานกว่า 4 ล้านคน ที่เรียกร้องกันมานานเท่านั้น กิจการที่ปิดชั่วคราวโดยรัฐสั่งปิดเพราะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา โควิด-19 หรือเจ้าของปิดกิจการเองเพราะได้รับผลกระทบทางอ้อมจาก “โควิด” เข้าข่ายได้รับสิทธิทั้งหมดทั่วประเทศ ไม่ต้องไปอาศัยอำนาจ “ผู้ว่าราชการ” ไล่ปิดเป็นจังหวัดอีกต่อไป

     .....จากเดิมหากไม่ใช่กิจการที่รัฐสั่งปิด กระทรวงแรงงานตีความว่าไม่เข้าข่าย แต่หลังจากนี้ได้ “สิทธิ” ทั้งหมด มีผลย้อนหลังให้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมถึงสิ้นเดือนสิงหาคม เป็นเวลา 6 เดือน แต่ได้สิทธิจ่ายชดเชย 3 เดือน ถือเป็นเรื่องดีของลูกจ้าง ที่ยังต้องลุ้นกันว่าเมื่อไร จะยกเลิกมาตรการ “ล็อกดาวน์” และ “ธุรกิจ” จะกลับมาเปิดบริการอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่ง่ายหากยังมีความสุ่มเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโรคอยู่

     .....เบื้องหลังกว่าจะทำคลอดกฎกระทรวงฉบับนี้สำเร็จ ก็เหนื่อยกันไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นสมาคมโรงแรมไทยที่ออกแรงเต็มที่หลังสายป่านขาดสะบั้น จากมาตรการ “ล็อกดาวน์” ต้นเดือนเมษายนโรงแรมใหญ่-น้อยทั่วประเทศ ประกาศปิดเกือบทั้งหมดเหลือแค่ไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ ที่ยังเปิดบริการซึ่งนับนิ้วได้ เหลือแค่หลักสิบจากหลักแสน ส่วนลูกจ้างมีทั้งจ่ายเต็ม ลดเงินเดือน ลาพักร้อนโดยสมัครใจ จ่าย 75% จนถึงเลิกจ้าง และบางโรงแรมถือโอกาสลอยแพพนักงาน

     .....ดูตามไทม์ไลน์ สมาคมโรงแรมเป็นหน้าด่านเรียกร้องเรื่องนี้ผ่านไปทางกระทรวงแรงงาน โดยนายก “ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ” และมี “สุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร” ที่ปรึกษา เป็นหัวเรือใหญ่ กับทีมก.ม. มีการหารือถึงแนวทางต่างๆ โดยได้รับความร่วมมือจาก “ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง” ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นอย่างดี

     .....อีกหนทางหนึ่ง ยังได้แรงหนุนเจ้าสัวโรงแรมแถวกระบี่วิ่ง “ล็อบบี้” กระทุ้งให้ พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) เร่งเคลียร์ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน ในฐานะคุมกระทรวงแรงงาน ผ่านนักการเมืองในพรรคและผู้หลักผู้ใหญ่ โซนภาคใต้ที่เป็นที่นับหน้าถือตา เพราะลำพังแต่ กระทรวงท่องเที่ยวฯ ซึ่งมีรมว. “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” ของพรรคภูมิใจไทย คุมอยู่ ก็คงไม่ทันใจ

     .....อีกทั้งยังมีการประสานมือของ กกร. สทท. แอตต้า ที่ร่วมกันออกมาเรียกร้องให้รัฐบาล พิจารณาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน โดยนายกรัฐมนตรี “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” เองก็รับรู้ปัญหาถึงได้กล่าวในวันแถลงการณ์ผ่านทีวีทุกช่อง เมื่อวันที่ 10 เมษายน ว่าจะนำเรื่องนี้เข้าหารือใน ครม. สะท้อนว่ารัฐบาลรับรู้ปัญหา แต่อยู่ที่ขั้นตอนต่างๆ ในการทำคลอด ซึ่งการที่กระทรวงแรงงาน “ตีความ” ไม่เข้าข่ายนั้นก็ถือว่าทำตามกฎหมาย และพยายามหาทางช่วยโดยได้มีการถามไปยังกฤษฎีกา ตีความ

     .....สุดท้าย “กฤษฎีกา” ก็ถูกโยนลูกให้กลับมาถามบอร์ดประกันสังคม ซึ่งมีอำนาจเต็มที่ในการชี้ชัดเรื่องนี้ กระทั่งผลการประชุมบอร์ดคณะกรรมการประกันสังคม สปส.ประชุมหารือเพื่อเคาะโต๊ะเยียวยา ปิดกิจการด้วย “เหตุสุดวิสัย” กัน เมื่อวันที่ 14 เมษายน หลังหารือกันยาวนาน 4 ชม. สุดท้าย “สุทธิ สุโกศล” ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานบอร์ด สปส. ก็ออกมาแถลงข่าวดีดังกล่าว และหลังจากนี้ลูกจ้างทยอยรับเงินเยียวยา กันถ้วนหน้า รอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ธุรกิจกลับมาทยอยเปิดบริการอีกครั้งต้นพฤษภาคมหากเหตุการณ์สงบ สยบโรคได้ แม้จะเปิดได้บ้างบางส่วน ก็ว่าเป็นความโชคดีแล้ว !!

     .....ทิ้งท้ายด้วยการส่งกำลังใจผ่านอาหารให้กับบุคลากรทางการแพทย์กว่า 88 โรงพยาบาลทั่วไทยติดต่อกันมากว่า 1 เดือนแล้ว ภายใต้โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” ล่าสุด “ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ” ซีอีโอ ซีพีเอฟ ยังได้ส่งอาหารให้แก่สมาชิกครอบครัวของนักรบเสื้อขาวมีพลังต่อสู้กับเชื้อโรคร้ายได้อย่างเต็มที่ โดย ซีพีเอฟ ขออาสาเป็นตัวกลางช่วยทุกคนที่ต้องการส่งสิ่งของให้กับโรงพยาบาล โดยแจ้งความจำนงได้ที่ 083-989-0010