บทบรรณาธิการ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3474 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 30-1 มิ.ย.2562
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
มหาบุรุษคู่แผ่นดิน
การถึงแก่อสัญกรรมของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ถือเป็นความสูญเสียบุคลากรที่ทรงคุณค่ายิ่งของสังคมไทยอีกวาระหนึ่ง โดยตลอดชีวิตของพล.อ.เปรม ตั้งแต่รับใช้ชาติเป็นทหาร เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นองคมนตรี และประธานองคมนตรี ล้วนลงมือกระทำ ภารกิจในหน้าที่เพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดินหรือสนองคุณชาติ โดยใช้ทั้งความอดทน อดกลั้น เสียสละในการนำพาชาติผ่านวิกฤตการณ์หลายครั้งหลายคราว รวมทั้งมีส่วนสำคัญในการวางรากฐานให้ประเทศก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเต็มภาคภูมิ
พล.อ.เปรม เป็นนายกรัฐมนตรี 3 สมัย ระยะเวลารวม 8 ปี 5 เดือน แม้ในปี 2531 ที่ส.ส.หลายพรรคการเมืองรวบรวมชื่อสนับสนุนและมาเชิญให้เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 4 แต่ได้รับคำตอบสั้นๆจากพล.อ.เปรมว่า“ผมพอแล้ว”แสดงให้เห็นทั้งแนวคิด ปรัชญาและบทเรียนในทางการเมือง ให้กับนักการเมืองทั้งหลายในความรู้จักพอ ไม่เสพติด ลุ่มหลงมัวเมาในอำนาจ ซึ่งนักการเมืองน้อยคนนักที่ลองได้เข้าไปอยู่อำนาจแล้วมักจะเสพติด ไม่รู้จักพอ และแสวงหาแนวทางอยู่ตลอดเวลาในการนำพาตัวเองเข้าไปในกลไกกับดักอำนาจ
พล.อ.เปรม ออกคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 66/23 แก้วิกฤติสงครามกลางเมือง ถือเป็นการลดความขัดแย้งทางแนวคิดของสังคมไทยเป็นครั้งแรก หลังจากความแตกแยกทางแนวคิดอย่างรุนแรงภายหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เปิดโอกาสให้ประชาชน นักศึกษา ที่เข้าป่าไปจับปืนยืนสู้กับอำนาจรัฐร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.)ได้คืนสู่เมือง เป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ลดการสูญเสียชีวิตลงไปได้จำนวนมาก โดยหลายคนกลับมายืนแถวหน้าแวดวงการเมืองไทยอยู่ในขณะนี้
พล.อ.เปรม ริเริ่มนโยบายแก้ปัญหาความยากจน จัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ส่งเสริมบทบาททางการค้าและการลงทุน สนับสนุนการลงทุนจากต่างชาติ จนทำให้เศรษฐกิจไทยเปิดกว้างรับการลงทุนจนถึงปัจจุบันและในช่วงนั้นยังนำชาติผ่านวิกฤตการณ์นํ้ามันโลกครั้งที่ 2 ที่ทั่วโลกเกิดเงินเฟ้อหนัก เศรษฐกิจตกตํ่า จึงได้ดำเนินนโยบายวินัยการเงินการคลังอย่างเข้มงวด ประหยัดค่าใช้จ่ายและลดการกู้ยืมทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ แก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยที่กำลังทรุดหนัก ไม่ให้ล้มละลาย พร้อมกับริเริ่มโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลตะวันออกหรืออีสเทิร์นซีบอร์ด นำประเทศเข้าสู่ยุคโชติช่วงชัชวาลหรือสร้างรากฐานพัฒนาอุตสาหกรรมต้นนํ้า อุตสาหกรรมการส่งออกให้กับประเทศมาจนถึงปัจจุบัน
“ชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครมีสิทธิยึดถือเป็นของตนเองได้ มีความเชื่อว่าพระสยามเทวาธิราชมีจริง และจะปกป้องคนดี และสาปแช่งคนไม่ดี คนทรยศต่อชาติบ้านเมืองให้พินาศไป” พล.อ.เปรมถึงแก่อสัญกรรมลงเมื่อกระทำภารกิจเสร็จสิ้นลงแล้ว ได้สนองคุณชาติ ได้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ให้กับประเทศมากมายแล้ว ไม่ควรที่คนซึ่งไม่ศึกษาประวัติและผลงานของรัฐบุรุษท่านนี้จะหยิบยกไปโจมตีให้ร้าย ตลอดระยะเวลาเกือบศตวรรษของพล.อ.เปรมได้พิสูจน์แล้วทั้งเลือดเนื้อและวิญญาณได้กระทำเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน จึงควรค่าอย่างยิ่งที่จะยกย่องเชิดชูเป็นมหาบุรุษคู่แผ่นดิน